เป็นที่รู้ ๆ กันดีอยู่แล้วว่าเมื่อคนเรามีอายุเพิ่มมากขึ้นก็มักจะพบกับปัญหาเรื่องของสุขภาพที่หลาย ๆ อย่างเช่น ปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวกับกระดูกพรุนและกระดูกเสื่อมซึ่งปัญหาทั้ง 2 โรคนี้จะเป็นมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเข้าสู่ช่วงวัยที่อายุมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปและในผู้หญิงที่วัยหมดประจำเดือนจะมีภาวะโรคกระดูกพรุนมากกว่าคนอื่นและอาการจะแสดงเร็วกว่าผู้ชายถึง 3 เท่า แต่ทั้งนี้หากคนในช่วงวัยนี้เกิดประสบอุบัติเหตุขึ้นมาแน่นอนว่าจะต้องมีอันตราย เพราะว่ามีปัญหาเรื่องของกระดูกพรุนอยู่ก่อนแล้วอาจจะทำให้กระดูกได้รับความเสียหายหรือแตกหักได้ง่ายกว่าคนวัยอื่น ๆ และการซ่อมแซมสามารถทำได้ยากมาก เพราะฉะนั้นวิธีการดูแลกระดูกให้แข็งแรงเป็นวิธีที่ดีที่สุดควรจะทานแคลเซียมสูง วิตามินสูง เพื่อเป็นการช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันการเกิดภาวะของโรคกระดูกพรุนและเป็นการบำรุงรักษากระดูกให้แข็งแรงดังนี้ การทานอาหารที่มีแคลเซียมสูง และทานแคลเซียมเสริม อย่างเช่นคนที่มีอายุน้อยกว่า 50 ปี ร่างกายต้องการแคลเซียมวันละ 1,000 มิลลิกรัม คนที่อายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป ร่างกายต้องการแคลเซียมวันละ 1,200 มิลลิกรัม เราสามารถรับได้จากการทานอาหาร เช่น นม โยเกิร์ต ชีส ปลาตัวเล็กทอด กุ้งแห้ง กะปิ ผักคะน้า ใบยอ ดอกแค เต้าหู้แข็ง ถั่วแดง และงาดำ โดยทั่วไปการทานอาหารไทยจะได้รับแคลเซียมประมาณ 400 – 500 มิลลิกรัมต่อวัน หรืออาจจะน้อยกว่าครึ่งหนึ่งที่ร่างกายควรที่จะได้รับ จึงขอแนะนำให้ทานแคลเซียมชนิดเม็ดเสริมด้วย การออกกำลังกายแบบลงน้ำหนักอย่างสม่ำเสมอ ควรออกกำลังกายสัปดาห์ละ 2 – 3 ครั้ง ๆ ละ 30 นาที โดยเฉพาะผู้สูงอายุและวัยหมดประจำเดือนจะต้องเน้นการออกกำลังกายที่ลงน้ำหนัก อย่างเช่น การเดินไกล การวิ่งเหยาะ ๆ การรำมวยจีน หรือเต้นรำ เพื่อเป็นการป้องกันการสูญเสียกระดูก การออกกำลังกายชนิดนี้จะช่วยทำให้กระดูกแข็งแรงขึ้น ควรหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดโรคกระดูกพรุน เช่น การสูบบุหรี่ ดื่มสุรา ลดเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมคาเฟอีนเช่น ชา กาแฟ เพราะจะทำให้การดูดซึมแคลเซียมลดลง ระวังการใช้ยาที่ส่วนผสมของสารสเตียรอยด์ […]
Category Archives: บทความเกี่ยวกับกระดูกและข้อ
สาเหตุส่วนมากของการเกิดภาวะกรดยูริกในเลือดที่มีปริมาณสูง เกิดมาจาก 2 สาเหตุหลัก ๆ ที่สำคัญ นั่นก็คือ การที่ร่างกายเราสร้างกรดยูริกเพิ่มปริมาณมากขึ้นจากปกติ การขับกรดยูริกออกทางไตในปริมาณที่ต่ำกว่าปกติ ซึ่ง 2 สาเหตุนี้อาจจะเกิดมาจากความบกพร่องของกลุ่มโปรตีนที่ขนส่งยูเรตหลาย ๆ ชนิด ซึ่งจะทำหน้าที่ในการควบคุมการดูดซึมกลับร่วมทั้งการขับออกของยูเรตที่ไต หรือการที่ร่างกายได้รับยาบางชนิดซึ่งจะมีผลในการยับยั้งการขับกรดยูริกออกจากร่างกาย ตัวอย่างเช่น ยาแอสไพริน, ยาขับปัสสาวะบางชนิด เช่น loop diuretics เป็นต้น หรืออาจจะเกิดจากสาเหตุทั้งสองปัจจัยร่วมกัน โดยส่วนใหญ่เกิดมาจากร่างกายสร้างขึ้นเองจะคิดเป็นร้อยละ 90 และร้อยละ 10 เกิดมาจากร่างกายที่มีการสร้างกรดยูริกมากกว่าปกติ ประมาณ 80% ส่วนที่เหลืออีก 20% มาจากการรับประทานอาหารที่มีสาร “พิวรีน”สูง เมื่อเราทานเข้าไปแล้วจะเกิดการเปลี่ยนแปลงไปเป็นกรดยูริกได้ เช่น เครื่องในสัตว์, ปลาดุก, กุ้ง, ไก่, ชะอม, กระถิน, อาหารทะเล, เนื้อแดง, สัตว์ปีก และยีสต์ เป็นต้น ซึ่งสารพิวรีนนี้จะเปลี่ยนไปกลายเป็นกรดยูริกในเลือดแทน ทำให้มีระดับของกรดยูริกในเลือดสูงกว่าปกติ เพราะการที่ร่างกายของคนเรามีกรดยูริกอยู่ในเลือดสูงมากกว่าปกติทั่วไปนั้น เกิดจากการสะสมมานานจนทำให้กรดยูริกที่อยู่ในเลือดเกิดการตกตระกอนอยู่ตามบริเวณส่วนต่าง ๆ […]
ชาปลายนิ้วมือ คืออาการที่สามารถพบได้บ่อย โดยเฉพาะผู้ที่ใช้มือและแขนในการทำงานอย่างหนัก โดยจะรู้เจ็บแปล๊บที่บริเวณปลายนิ้ว คล้ายถูกเข็มแทง ปวดแสบปวดร้อนที่ปลายนิ้ว หรือเหมือถูกไฟฟ้าช็อต ทำให้คนป่วยไม่มีความรู้สึก อาจจะทำให้นิ้วมือ และมือไม่มีแรงที่จะหยิบจับสิ่งของได้ อาการนี้สามารถเกิดขึ้นกับมือเพียงข้างเดียวหรือว่าทั้ง 2 ข้างก็ได้ โดยอาการเหล่านี้อาจจะเกิดมาจากภาวะเจ็บป่วยที่เกี่ยวข้องกับเส้นเลือดที่คอยหล่อเลี้ยงมือ หรือว่าเส้นประสาทที่ทำหน้าที่ส่งสัญญาณจากสมองเพื่อทำหน้าที่ควบคุมการทำงาน และการรับความรู้สึกของมือและนิ้วมือ อาการชาที่ปลายนิ้วมือเกิดมาจากหลายสาเหตุ ดังนี้ สาเหตุของอาการชาปลายนิ้วมือ อาการชาปลายนิ้วมือเกิดมาจากเส้นเลือดที่ไปหล่อเลี้ยงบริเวณมือ หรือว่าเส้นประสาทที่ทำหน้าที่คอยส่งสัญญาณจากสมองเพื่อไปควบคุมการทำงานและการรับความรู้สึกของบริเวณมือและนิ้วมือได้ถูกกดทับไว้ ทำให้ได้รับการกระทบกระเทือน จนทำเกิดความเสียหาย หรืออาจจะเป็นเหตุมาจากที่มีการเจ็บป่วยด้วยโรคและภาวะต่าง ๆ อย่างเช่น โรคที่เกิดจากการกดทับเส้นประสาทที่บริเวณข้อมือ คือเส้นประสาทที่รับความรู้สึกบริเวณมือถูกกดทับหรือว่าเกิดการอุดตัน ทำให้เกิดอาการชาโดยเฉพาะตรงบริเวณนิ้วหัวแม่มือ, นิ้วชี้ และนิ้วกลาง เกิดจากภาวะกระดูกคอทับเส้นประสาท ทำให้เส้นประสาทบริเวณต้นคออักเสบหรือทำให้ถูกกดทับ จนส่งผลทำให้เกิดอาการชาคล้ายกันกับโรคการกดทับเส้นประสาทที่บริเวณข้อมือ การกดทับเส้นประสาทอัลนาร์ (Ulnar Nerve Entrapment) เกิดจากการกดทับตรงบริเวณเส้นประสาทอัลนาร์ที่ทำหน้าที่คอยหล่อเลี้ยงและควบคุมการทำงานของนิ้วนางและนิ้วก้อย จึงทำให้เกิดอาการชาที่บริเวณปลายนิ้ว โรคเรย์นอด (Raynaud’s Disease) คืออาการป่วยที่หลอดเลือดแดงเล็กที่อยู่ในนิ้วเกิดการหดตัวอย่างฉับพลัน ทำให้เลือดไม่สามารถไปหล่อเลี้ยงที่บริเวณปลายนิ้วได้ จึงทำให้เกิดอาการชาและอาจจะส่งผลกระทบต่อระบบการไหลเวียนของโลหิตด้วย โรคเบาหวาน คือภาวะอาการเส้นประสาทจากเบาหวาน (Diabetic Neuropathy) ของคนป่วยโรคเบาหวาน อาจจะทำให้เกิดความเสียหายแก่เส้นประสาทตรงบริเวณมือและเท้า ซึ่งจะนำไปสู่อาการชาที่ปลายนิ้ว, บริเวณนิ้วมือ หรือนิ้วเท้าได้ โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid Arthritis) […]
ปัญหาสุขภาพเกี่ยวกับกระดูกและข้อ ไม่ใช่เป็นเพียงปัญหาสุขภาพของผู้สูงอายุเท่านั้น ความจริงสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกวัย และไม่ใช่โรคที่เกิดขึ้นแบบฉับพลัน หากมีลางบอกเหตุก่อน เมื่อเป็นโรคที่อาจเกิดขึ้นได้ การเตรียมความพร้อมเรื่องการดูแลรักษาสุขภาพ มองหาคลินิกกระดูกและข้อที่อยู่ไม่ไกล สะดวกที่จะไปปรึกษาหารือ จึงไม่ใช่เรื่องที่ควรมองข้าม ซึ่งเทคโนโลยีสมัยใหม่ก็ให้ความสะดวกเพียงแค่ serch คำว่า คลินิกกระดูกและข้อ แล้วตามด้วยบริเวณที่อยู่อาศัยของตนเอง เช่น ราม2 สาทร พระราม6 แค่นี้ ก็จะได้คลินิก “ใกล้ฉัน” ไว้ในใจแล้ว อาการบ่งชี้ว่าถึงเวลาของ “คลินิกกระดูกและข้อ ใกล้ฉัน” หากคุณมีอาการต่อไปนี้ อย่าดูเบาคิดว่า คงไม่เป็นอะไรมากโดยเด็ดขาด เพราะอาการเหล่านี้บ่งชี้ว่า คุณกำลังมีปัญหาเกี่ยวกับกระดูกและข้อ 1. อาการเกี่ยวกับกระดูกและข้อ ในข้อนี้นอกจากดูแลตัวเองแล้ว ยังต้องสังเกตลูกหลาน เพราะเด็กๆ บอกคุณเองไม่ได้ มีบ่อยครั้งที่เด็กๆ มีอาการขาโก่ง ข้อศอกเคลื่อน แม้แต่เด็กๆ ที่แบกกระเป๋านักเรียนหนักเกินตัวก็อาจจะเป็นโรคเกี่ยวกับกระดูกได้ สำหรับตัวคุณนั้น หากมีพฤติกรรมที่มีความเสี่ยงเกี่ยวกับกระดูกและข้อ ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุ อาการปวดตามข้อหรือเจ็บผิดปกติ อาการเกี่ยวกับข้อมือ ข้อเท้า เหมือนกระดูกลั่นเวลาก้าวเดิน อาการปวดขึ้นมาเฉยๆ ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรหนักๆ มา อาจเกิดจากข้อเสื่อม อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ […]
เอ็นร้อยหวายอักเสบ (Achilles Tendinitis) เอ็นร้อยหวายเป็นเส้นเอ็นที่สำคัญที่สุดในร่างกาย เนื่องจากเชื่อมต่อระหว่ากล้ามเนื้อน่องและส้นเท้า ทำให้เราสามารถเดิน วิ่ง และกระโดดได้ ถ้าหากเส้นเอ็นเกิดตึงมาก ๆ จะเกิดการอักเสบได้ โดยส่วนมากเกิดจากการเล่นกีฬาที่ผิดท่า หรือการใช้งานเอ็นข้อเท้าอย่างหนักซ้ำ ๆ เช่น วิ่งมากเกินไป, การกระโดด, หรือแม้แต่การเดินสามารถทำให้ข้อเท้าพลิก เป็นต้น โดยเกิดขึ้นได้บ่อยกับคนที่เล่นกีฬา และทุกเพศ ทุกวัย ถ้าหากอาการไม่รุนแรงสามารถรักษาเองได้ที่บ้าน แต่ถ้าหากบางกรณีที่อาการรุนแรงมากขึ้นก็ต้องไปพบแพทย์เฉพาะทาง เพื่อรับการรักษาอย่างถูกวิธี กลุ่มเสี่ยงต่อการเกิดเอ็นข้อเท้าอักเสบมากที่สุด คือกลุ่มที่ชอบออกกำลังกาย นักกีฬา ใส่รองเท้าที่รัดแน่นนจนเกินไป และสุภาพสตรีที่ชอบใส่รองเท้าสั้นสูงเดินหรือวิ่งในบางครั้ง อาจเกิดเอ็นข้อเท้าอักเสบได้ ทั้งนี้เราสามารถรักษาเองเบื้องต้นได้ หรือท่านที่กำลังเป็นโรคเอ็นอักสบอยู่แต่ยังไม่ทราบวิธีการดูแลรักษาอาการเบื้องต้น สาเหตุการเกิดเอ็นร้อยหวายอักเสบ เอ็นร้อยหวายอักเสบเกิดได้จากหลายสาเหตุเหมือนกัน อาทิ เช่น การเคลื่อนไหวของร่างกายอย่างฉับพลัน การที่เราออกกำลังกายที่เน้นตรงบริเวณข้อเท้าซ้ำ ๆ กันโดยที่ไม่มีการยืด หรือ เหยียด กล้ามเนื้อที่เหมาะสมก่อนการออกกำลังกายทุกครั้ง เพื่อคลายกล้ามเนื้อบริเวณเส้นเอ็นตรงข้อเท้า […]
ด้วยสถานการณ์ในทุกวันนี้ คำว่า “ออฟฟิศซินโดรม (Office syndrome)” ที่หลาย ๆคนรู้จักกันเป็นอย่างดีและพบได้บ่อยที่สุดในวัยทำงาน โดยเฉพาะในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้หลาย ๆ คนต้องทำงานที่บ้านหรือเรียกว่า work from home เป็นการทำงานผ่านระบบออนไลน์กันมากขึ้น ทำให้ต้องนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์, tablet หรือว่ามือถือ เป็นเวลาหลายชั่วโมงต่อวัน อาจจะประสบกับปัญหาปวด เมื่อย คอ บ่า ไหล่ หลัง หรือเอว บางครั้งอาจจะมีอาการมึนศีรษะ สายตาพร่าเบลอจากการจ้องจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ๆ หรือมีอาการ มือชา เกร็ง หรือนิ้วล็อก จากการจับเมาส์ หรือ chat ผ่านมือถือเป็นเวลานานๆ เป็นต้น กลุ่มอาการดังกล่าวที่เป็นนอกจากจะส่งผลเสียต่อสุขภาพแล้ว ยังส่งผลต่อสุขภาพของจิตใจจนอาจจะทำให้มีผลกระทบต่องานที่ทำด้วย อาการ Office syndrome ออฟฟิศซินโดรม (Office syndrome) เป็นอาการที่พบได้บ่อยในคนที่ต้องนั่งทำงานเป็นเวลานาน ๆ โดยที่ไม่มีการปรับเปลี่ยนท่า หรือท่านั่งที่ไม่เหมาะสม การใช้กล้ามเนื้อในแบบเดิม ๆ ซ้ำ ๆ กัน […]
อาการชามือ ชาปลายนิ้ว แม้ดูเหมือนเป็นอาการเล็กๆ น้อยๆ ที่ปล่อยไว้ไม่นานก็สามารถหายเองได้ แต่ในบางรายที่มีอาการชาบ่อยๆ ชาเฉพาะที่หรือชานานกว่าปกติไม่ควรปล่อยอาการทิ้งเอาไว้นาน เพราะอาการชาอาจลุกลามจนไม่สามารถใช้งานมือได้อย่างปกติ รวมทั้งอาการชายังเป็นหนึ่งในอาการสำคัญของหลายๆ โรคร้ายอีกด้วย อาการชาเกิดจากอะไร อาการชานั้นเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุไม่ว่าจะเป็นการเผลอนอนทับแขนตัวเอง การนั่งท่าเดิมนานๆ โดยลักษณะอาการชาที่เกิดจากเรื่องใกล้ตัวอย่างนี้จะสามารถหายได้เองในเวลามานาน เพราะเกิดจากการขาดเลือดมาเลี้ยงแบบชั่วคราว แต่หากเป็นอาการชาเฉพาะจุดอาทิ การชาปลายนิ้ว ชาทั้งมือ ชาบางนิ้ว ถือเป็นอาการข้างเคียงของโรคร้ายหลายๆ โรค อาทิ โรคที่เกี่ยวกับเส้นประสาท, โรคเกาต์, โรครูมาตอยด์ เป็นต้น นอกจากนี้อาการชายังอาจเกิดขึ้นได้จากการขาดวิตามินบางชนิดด้วย ลักษณะอาการชาแบบไหนเสี่ยงโรค ชาเฉพาะที่นิ้วโป้ง นิ้วชี้ นิ้วกลาง และในบางรายอาจชานิ้วนางครึ่งซีกด้วย ลักษณะนี้จะเป็นอาการเสี่ยงของโรคที่เกี่ยวกับเส้นประสาทมือที่ถูกบีบรัดหรือโรคที่เกี่ยวกับกระดูกทับเส้นประสาท ชาเฉพาะนิ้วก้อย อาการชาลักษณะนี้มักเกิดจากการเกร็งงอข้อศอกเป็นเวลานานๆ อาทิ การถือหูโทรศัพท์หรือการเล่นมือถือ ชาที่นิ้วโป้ง นิ้วชี้ นิ้วกลาง แต่มีอาการปวดมือหรือปวดลามไปทั้งแขนร่วมด้วย อาการลักษณะนี้เป็นอาการเสี่ยงของโรคเส้นประสาทกดทับที่มือ ซึ่งมักมีสาเหตุมาจากการใช้งานมือในลักษณะเกร็งในท่าเดิมนานๆ อาทิ คนที่ใช้กรรไกรตัดต้นไม้ทั้งวัน หรือคนที่ต้องจับมีดหันของทั้งวัน ชาบริเวณปลายเท้าและปลายมือ ลักษณะอาการนี้มักจะเกิดจากปลายประสาทอักเสบหรือมีอาการเสื่อม รวมทั้งยังอาจมีสาเหตุจากภาวะขาดวิตามินบี 1, บี6 หรือบี 12 ชามือและนิ้วมือ […]
ข้อเสื่อม เป็นภาวะความเสื่อมถอยของกระดูกอ่อนผิวข้อที่เกิดจากการใช้งานมาเป็นเวลานาน ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ทุกข้อในทุกส่วนของร่างกาย แต่มักจะเป็นข้อที่รับน้ำหนักมากๆ อาทิ ข้อสะโพก, ข้อเข่า ซึ่งเมื่อกระดูกอ่อนบริเวณข้อถูกทำลายจากกาลเวลา การใช้งานหนัก การเกิดอุบัติเหตุ หรือจากภาวะอื่นๆ กระดูกอ่อนบริเวณข้อนี้จะคดงอผิดรูปไปจากเดิม จนทำให้เกิดโรคข้อเสื่อมนั้นเอง ช่วงอายุที่มักจะเป็นโรคข้อเสื่อม อาการข้อเสื่อมสามารถพบในผู้หญิงได้มากกว่าผู้ชายถึง 3 เท่า โดยจะเริ่มได้ตั้งแต่วัยหมดประจำเดือนหรืออายุประมาณ 40 ปีขึ้นไปและเป็นมากที่สุดในช่วงอายุ 65 ปี อาการจะเกิดขึ้นได้ตามข้อต่างๆ ในร่างกายไม่ว่าจะเป็น ข้อเข่า, ข้อสะโพก, ข้อกระดูกสันหลัง, ข้อกระดูกคอ หรือแม้แต่ข้อนิ้วมือ ซึ่งสามารถปวดข้อหลายๆ ตำแหน่งพร้อมกันได้อีกด้วย แต่ในผู้สูงอายุบางรายอาจไม่พบอาการข้อเสื่อม เพราะโรคนี้สัมพันธ์โดยตรงกับฮอร์โมนในร่างกาย ความอ้วนและกิจกรรมในชีวิตประจำวันรวมทั้งการทำงานด้วย ดังนั้นผู้ใช้งานข้อหนัก ยกของหนัก หรือนั่งง้อเข่าตลอดเวลาเมื่ออายุมากขึ้นจะทำให้มีอาการข้อเสื่อมได้ง่าย อาการที่บ่งบอกว่าเป็นโรคข้อเสื่อม อาการของโรคข้อเสื่อมมีได้ 2 ระยะ โดยระยะแรกจะแสดงอาการปวดบริเวณข้อต่างๆ โดยเฉพาะเวลาเดินมากๆ หรือนั่งท่าเดิมนานๆ แต่เมื่อพักขาหรือยืดขาอาการอาจจะทุเลาลง นอกจากนี้ยังมีอาการเสียงดังกรอบแกรบจากภายในข้อให้ได้ยินอีกด้วย ซึ่งหากปล่อยไว้ไม่ปรึกษาแพทย์อาการจะลุกลามเป็นระยะรุนแรงที่จะปวดข้อหนักขึ้น ปวดในช่วงกลางคืนหรือเวลาเดินเพียงเล็กน้อย คล้ำบริเวณข้ออาจพบกระดูกงอกข้างๆ ข้อ รวมทั้งหากมีอาการอักเสบจะทำให้ข้อบวมและปวดร้อน เดินได้ลำบาก วิธีเลี่ยงอาการข้อเสื่อมก่อนวัย หลีกเลี่ยงการอิริยาบถที่มีผลต่อข้อเข่า อาทิ […]
ชะลออาการเสื่อมของข้อเข่าต้องทำอย่างไร ปัญหาข้อเข่าเสื่อมมักเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงวัยกลางคนและพบได้มากในผู้สูงอายุ ซึ่งอาการข้อเข่าเสื่อมหากไม่ได้รับการรักษาหรือดูแลอย่างถูกต้องโรคจะลุกลามขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้คนไข้เจ็บปวดจนกระทั้งไม่สามารถเดินได้อย่างปกติ ดังนั้นหากเริ่มมีอาการข้อเข่าเสื่อมในระยะแรกเริ่มแล้วดูแลตัวเองอย่างเหมาะสมจะทำให้ชะลอการเกิดโรคข้อเข่าเสื่อมไปได้ วิธีถนอมข้อเข่า ระมัดระวังอิริยาถบในชีวิตประจำวัน อาทิ การนั่งพับเพียบ, นั่งคุกเข่า, นั่งขัดสมาธิ, การนั่งไขว่ห้าง, นั่งยองๆ หรือนั่งเก้าอี้เตี้ยๆ ลักษณะการนั่งที่พับหัวเข่าจะทำให้เกิดแรกกดที่หัวเข่า ยิ่งผู้ที่นั่งในลักษณะเหล่านี้เป็นเวลานานๆ ยิ่งเร่งให้เข่าเสื่อมเร็วขึ้น หากจำเป็นต้องนั่งจริงๆ ควรเปลี่ยนอิริยาบถบ่อยๆ อย่านั่งในท่าเดียวเป็นเวลานาน การใช้งานหัวเข่ามากเกินไป อาทิ การขึ้นลงบันไดบ่อยๆ โดยไม่จำเป็น การแบกของหนัก การกระโดดซ้ำๆ หรือการออกกำลังกายต้องระมัดระวังกีฬาที่มีการกระแทกแรงๆ และที่สำคัญห้ามลืมอบอุ่นร่างกายก่อนออกกำลังกายเสมอ หลีกเลี่ยงการใส่รองเท้าส้นสูง โดยเฉพาะหากจำเป็นต้องใส่ตลอดทั้งวัน เพราะการใส่รองเท้าส้นสูงจะทำให้เข่าแอ่นและเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ ควรคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน เพราะน้ำหนักตัวมีผลเป็นอย่างยิ่งต่อสุขภาพร่างกาย โดยเฉพาะหัวเข่าเพราะยิ่งน้ำหนักตัวมากก็ยิ่งเพิ่มแรกกดที่ข้อเข่ามาก นอกจากนี้ในผู้ที่มีภาวะอ้วนเซลล์ไขมันที่มากเกินไปยังมีผลต่อเซลล์กระดูกได้อีกด้วย ในกรณีที่เกิดอาการปวด บาดเจ็บ หรือบวมที่หัวเข่าให้พบรีบรักษาทันทีด้วยการรับประทานยาหรือพบแพทย์ อย่าปล่อยให้มีอาการปวดแบบเรื้อรังหรือเป็นๆ หายๆ ควรรักษาให้หายขาด นอกจากนี้ยังลดอาการปวดด้วยการประคบร้อนหรือเย็นได้ ในผู้ที่เริ่มมีอาการปวดหรือกำลังเป็นโรคข้อเข่าเสื่อมแล้ว ควรเข้าห้องน้ำที่เป็นชักโครกแบบนั่ง งดการนั่งยองๆ โดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้เกิดแรงกดที่หัวเข่า ผิวข้อเข่าจะเสียดสีกันเป็นอย่างมาก ยิ่งทำให้อาการปวดเข่าเป็นมากขึ้น โรคข้อเข่าเสื่อมมักจะเริ่มมีอาการในผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไปและเป็นมากในผู้สูงอายุ โดยเฉลี่ยแล้วผู้สูงอายุประมาณร้อยละ 40 […]
การลดความอ้วนไม่ใช่เป็นเรื่องของความนิยม แต่เป็นเรื่องจำเป็นโดยเฉพาะสำหรับสาวๆ ที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐาน เมื่อความต้องการลดน้ำหนักมีมาก สาวๆ จำนวนไม่น้อยจึงแสวงหาวิธีลดน้ำหนักที่ได้ผล และบางครั้งด้วยความใจร้อนจึงเลือกใช้วิธีลดความอ้วนที่ผิดๆ โดยไม่รู้หรือรู้แต่คาดไม่ถึงว่า การลดความอ้วนด้วยวิธีที่ผิดนั้น ส่งผลเสียมากกว่าที่คิด เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่เราไม่ควรมองข้าม สาเหตุที่ทำให้เราอ้วน คนเราก้าวสู่ภาวะอ้วนหรือน้ำหนักเกินมาตรฐานเกิดจากการที่ร่างกายมีพลังงานส่วนเกินเพราะรับเข้าไปมากกว่าที่ร่างกายต้องการใช้ ส่วนเกินเหล่านั้นจึงถูกเก็บสะสมไว้ในร่างกายในรูปของไขมัย เจ้าตัวจึงเกิดภาวะอ้วน ถ้าแจกแจงถึงสาเหตุก็อาจกล่าวได้ว่า ความอ้วนเกิดจาก นิสัยการกิน เป็นปัญหาหลักที่ทำให้อ้วน เพราะในแต่ละวันเราต้องการใช้แคลอรี่ประมาณ 2000-2500 แคลอรี่เท่านั้น แต่ถ้ากินเก่ง กินอาหารที่มีแคลอรี่สูงมากๆ ก็มีสิทธิเปลี่ยนเป็นไขมันสะสมได้ กิจกรรมในชีวิตประจำวันที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย ไม่ค่อยเคลื่อนไหวที่ต้องใช้พลังงาน ก็ทำให้ร่างกายใช้พลังงานน้อยกว่าที่ควรจะเป็น แม้กินปกติเหมือนคนทั่วๆ ไป แต่ออกกำลังกายน้อยกว่า ที่เหลือก็ทำให้อ้วนได้ พฤติกรรมชอบอดนอน เหมือนไม่น่าจะเกี่ยวข้องกัน แต่การพักผ่อนไม่พอเพียงทำให้ฮอร์โมนแปรปรวน กระตุ้นให้อยากอาหาร สังเกตเวลานอนดึกเราจะรู้สึกหิว อ้วนโดยกรรมพันธุ์ พ่อแม่อ้วน ลูกจะมีแนวโน้มที่จะอ้วน เพราะมีระบบการเผาผลาญพลังงานเหมือนกัน เป็นผลจากกรรมพันธุ์ เราจึงพบว่า […]