fbpx

Author Archives: drsutt

พาร์กินสัน โรคร้ายทางสมองที่ไม่ใช่แค่อาการสั่นเกร็งของกล้ามเนื้อ

โรคพาร์กินสัน

  โรคพาร์กินสัน เป็นโรคที่เกิดจากสมองเสื่อมสภาพที่นอกเหนือจากโรคอัลไซเมอร์ และยังมีโรคอื่นที่เกี่ยวข้องกับสมองที่ส่งผลกับร่างกายทำให้มีอาการสั่นเกร็งตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย อีกทั้งมีผลต่อการเคลื่อนไหว นั่นก็คือ โรคพาร์กินสัน เป็นโรคที่เกิดจากเซลล์สมองในส่วนของบริเวณก้านสมองส่วนกลาง ถูกทำลายไปทีละน้อย จนทำให้เกิดความเสียหาย โรคนี้จะเกิดกับผู้สูงอายุ และจะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ โดยที่ครอบครัวผู้สูงอายุควรจะต้องมีความรู้ และทำความเข้าใจกับโรคนี้ เพราะว่าโรคนี้ต้องให้การดูแลอย่างใกล้ชิด อาการของโรคพาร์กินสัน โรคพาร์กินสันโดยทั่วไปแล้วโรคนี้จะแสดงอาการออกมามาก หรือน้อยแตกต่างกันออกไป  ต้องขึ้นอยู่กับสาตุหลาย ๆ อย่าง แต่ที่อาการเป็นเหมือนกัน ก็คือ โรคพาร์กินสันนี้จะค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป  จะไม่เกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันเหมือนโรคทางสมองชนิดอื่น ๆ และอาการนี้จะเป็นมากขึ้นไปด้วยถ้าหากว่าปล่อยไว้นานเกินไป โดยอาการที่จะแสดงออกมีอาการดังต่อไปนี้ อาการสั่นเกร็ง จะมีอาการที่นิ้วมือ, แขน และขา ถ้าหากไม่ได้เคลื่อนไหวจะเกิดอาการสั่น และจะไม่สามารถควบคุมอาการได้ เมื่อเริ่มทำกิจกรรมอาการสั่นก็จะลดลง หรืออาจจะหายไป และอาจจะปวดกล้ามเนื้อร่วมด้วย เคลื่อนไหวช้า ไม่ว่าจะทำอะไรก็จะใช้เวลานานในการเคลื่อนไหว หรือช้ากว่าคนปกติทั่วไป ทำให้ลำบากในการชีวิตประจำวัน และอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุตามมา การแสดงสีหน้าเหมือนใส่หน้ากาก คนป่วยจะมีสีหน้าที่เฉยเมยเวลาพูดคุยมุมปากก็จะยกขึ้นเพียงเล็กน้อยทำเหมือนคนไม่มีอารมณ์ร่วมด้วย ท่าเดินผิดปกติ คนป่วยจะก้าวเดินได้เพียงก้าวสั้น ๆ ในช่วงระยะแรก และจะค่อย ๆ ก้าวยาวขึ้น […]

โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงต้องดูแลตัวเองอย่างไร

โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง

              โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกส่วนในร่างกาย  อาการที่จะแสดงออกมาก็มีตั้งแต่ส่วนบนเริ่มจากใบหน้า ไปจนถึงขา อาการที่เกิดขึ้นจะมีอาการดังต่อไปนี้ บริเวณหนังตาตก, จะมองไม่ชัด และจะมองเห็นเกิดเป็นภาพซ้อน กลืนลำบาก, สำลักบ่อย, ลิ้นอ่อนแรง, หายใจได้ไม่สะดวก, พูดไม่ค่อยชัด และออกเสียงไม่ได้ บริเวณแขน ขาจะไม่มีแรง, ไม่สามารถยกแขนขึ้นได้, เดินสะดุด และเคลื่อนไหวร่างกายไม่ได้ตามปกติ กล้ามเนื้อบางในส่วนเกิดการกระตุกหรืออาจจะเป็นตะคริวบ่อย โดยเฉพาะตรงบริเวณมือ และเท้า ในกรณีบางรายโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงทำให้หายใจตื้น หายใจไม่สะดวก นั่นคือสาเหตุที่ทำให้เสียชีวิตได้   การดูแลตัวเองเมื่อเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ต้องพักผ่อนให้เพียงพอ, ไม่เครียด และไม่หดหู่ ใช้อุปกรณ์ไฟฟ้า หรือแบบอัตโนมัติ เพื่อเป็นการช่วยปฏิบัติกิจวัตรประจำวันให้ดำเนินไปได้สะดวกขึ้น และเพื่อเป็นการผ่อนคลายความเหนื่อยล้าได้ อย่างเช่น การแปรงสีฟันด้วยไฟฟ้า การทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ควรจะเน้นอาหารเป็นชนิดอ่อน ๆ เพื่อให้เคี้ยวง่าย ทำการฝึกฝนตัวเองอย่างสม่ำเสมอ เพื่อการใช้ชีวิตในแต่ละวันได้อย่างราบรื่น อาทิเช่น การฝึกเดิน, ฝึกพูด และฝึกการกลืนอาหาร คอยสังเกตอาการของตัวเองจากอาการเริ่มแรกที่เป็น ว่ามีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงมากขึ้นหรือไม่ เมื่อเปรียบเทียบกับอาการที่ผ่านมาและต้องศึกษาข้อมูลจากหลาย ๆ แหล่ง ว่าอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงที่เกิดขึ้นมีความรุนแรงมากน้อยแค่ไหน หรือว่าอยู่ในระดับใด […]

โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงคืออะไร อันตรายหรือไม่

โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง

        โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง หลาย ๆ คนอาจจะคิดว่าเป็นโรคเกี่ยวกับกล้ามเนื้อเพียงอย่างเดียว แต่ความเป็นจริงแล้ว โรคนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับระบบประสาทที่ส่งผลต่อการทำงานของเซลล์ประสาทที่อยู่ในสมองและไขสันหลัง โดยโรคนี้จะค่อย ๆ เกิดขึ้นอย่างช้า ๆ จนตัวเราไม่อาจจะรู้ตัว และอาการจะค่อย ๆ รุนแรงขึ้นจนอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ สาเหตุของโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง        โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงเกิดจากเซลล์ประสาทที่เสื่อมสภาพลงทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงลงไปด้วย ซึ่งเซลล์ประสาทของส่วนนี้จะคอยทำหน้าที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกาย โรคนี้เกิดมาจากหลาย ๆ สาเหตุจนก่อให้เกิดโรคร่วมกัน อาทิเช่น ทางพันธุกรรม ทางสิ่งแวดล้อม โดยคนป่วยอาจจะมีประวัติสัมผัสกับโลหะ หรือว่าสารเคมีบางชนิดที่สามารถทำให้ส่วนประสาทนำคำสั่งทำให้เกิดการทำงานที่ผิดปกติ   อันตรายของโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง        โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง เป็นตัวอันตรายเงียบ ๆ คือตัวคนป่วยยังคงทำกิจวัตรประจำวัน หรือใช้ชีวิตต่าง ๆ ได้เป็นปกติในช่วงระยะแรก ๆ ของวัน แต่หลังจากนั้นก็จะค่อย ๆ อาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงก็จะเกิดขึ้นได้ ซึ่งถ้าหากคนป่วยได้หยุดผักการใช้กล้ามเนื้อตรงบริเวณนั้นไปชั่วขณะ ก็จะสามารถช่วยฟื้นฟูให้กล้ามเนื้อกลับมาใช้งานได้ตามปกติเช่นเดียวกัน แต่จะดีกว่าถ้าหากว่าคนป่วยไม่ปล่อยให้อาการของกล้ามเนื้ออ่อนแรงเกิดขึ้นซ้ำ ๆ ชนิดเรื้อรัง เพราะความรุนแรงของโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงจะทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนอื่น […]

โรคเกาต์กำเริบบ่อยแค่ไหน

โรคเกาต์กำเริบ

  โรคเกาต์ เป็นโรคเกี่ยวกับข้อและอาการปวดข้อที่หลากหลาย ข้อต่อบางชนิดสามารถทำให้ข้ออักเสบได้ แต่บางชนิดอาจไม่เป็นเช่นนั้น โรคเกาต์เป็นอาการทั่วไปของโรคข้ออักเสบ เกิดมาจากกรดยูริกที่สะสมเป็นเวลานานจนทำให้ตกผลึก โรคข้ออักเสบจะมีอาการเจ็บปวดมาก มักจะส่งผลกระทบต่อข้อต่อในแต่ละครั้ง (มักจะเป็นข้อต่อหัวแม่เท้า) มีบางครั้งที่อาการแย่ลงหรือที่เรียกว่าอาการวูบวาบ และหลายครั้งที่ไม่มีอาการหรือที่เรียกว่าบรรเทาลง โรคเกาต์ที่เกิดซ้ำๆ อาจนำไปสู่โรคข้ออักเสบจากเกาต์ ซึ่งเป็นอาการของโรคข้ออักเสบที่เลวลง โรคเกาต์ทำให้เกิดอาการปวดและบวมในข้อหนึ่งข้อหรือมากกว่า มักจะส่งผลต่อหัวแม่เท้า และยังพบได้ในข้อต่ออื่น ๆ เช่น บริเวณหัวเข่า, ข้อเท้า, เท้า, มือ, ข้อมือ และข้อศอก อาการของโรคเกาต์กำเริบบ่อยแค่ไหน การกำเริบของโรคเกาต์นั้นจะเจ็บปวดมากและสามารถเกิดขึ้นได้อย่างกะทันหัน และบ่อยครั้งในเพียงชั่วข้ามคืน ในระหว่างที่อาการของโรคเกาต์กำเริบอย่างกะทันหันนั้น คนที่เป็นโรคเกาต์จะมีอาการปวด บวมแดง หรือร้อนตรงบริเวณข้อต่ออย่างฉับพลันทันทีทันใด อาการปวดร้อนเหล่านี้จะตามมาด้วยการบรรเทาอาการเป็นเวลานาน อย่างเช่น เป็นอาทิตย์, เป็นเดือน หรืออาจจะเป็นปี โดยจะไม่แสดงอาการก่อนที่จะเกิดอีก โรคเกาต์มักจะเกิดขึ้นครั้งละหนึ่งข้อเท่านั้น มักพบในนิ้วหัวแม่เท้า นอกจากนิ้วหัวแม่เท้าแล้ว ข้อต่อที่จะได้รับผลกระทบทั่วไปก็คือข้อต่อ ข้อเท้า เข่า และข้อมือ ซึ่งอาการจะเป็น ๆ หาย ๆ ในระยะแรก โรคเกาต์หากไม่ได้รับการรักษาหรือดูแลได้อย่างถูกต้อง อาการข้ออักเสบก็จะรุนแรงมากยิ่งขึ้นจนทำให้ผู้ป่วยปวดถี่ขึ้นและนานมากขึ้นจนอาจจะกลายเป็นโรคข้ออักเสบชนิดเรื้อรัง และอาจจะส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ตามมา เช่น โรคไต นิ่วในทางเดินปัสสาวะ และไตวาย บางคนที่มีโรคเกาต์กำเริบบ่อยครั้ง หากไม่รักษาโรคเกาต์ อาการเจ็บปวดอาจเกิดบ่อยขึ้น และยาวนานขึ้น โรคเกาต์กำเริบอาจเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในข้อต่อเดียวกันหรืออาจจะส่งผลต่อบริเวณข้อต่อต่าง ๆ เป็นต้น   ดังนั้นคนที่ทานอาหารจำพวกโปรตีนหรือสารพิวรีนสูง […]

เมื่อเป็นโรคเกาต์เราควรปฏิบัติตัวอย่างไรในชีวิตประจำวัน

         ในร่างกายของเราสามารถสร้างกรดยูริกในขบวนการย่อยสลายของสารพิวรีนที่สามารถพบได้ในอาหาร และเครื่องดื่มบางชนิด เป็นผลมาจากการที่กรดยูริกในเลือดได้มีการกรองผ่านไต และทำการขับออกทางไตผ่านการปัสสาวะ เมื่อร่างกายผลิตกรดยูริกมากเกินไป ทำให้ไตไม่สามารถที่จะขับกรดยูริกได้ดี  จึงทำให้ร่างกายมีกรดยูริกในเลือดสูง และผลึกของกรดยูริกจะไปตกที่บริเวณข้อต่อต่าง ๆ ทำให้เกิดโรคเกาต์ตามมา แต่จะอย่างไรก็ตาม ก็มีอีกหลายคนที่มีรกรดยูริกในเลือดสูงไม่เคยเป็นโรคเกาต์ก็มี โรคเกาต์มีผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันในหลาย ๆ ด้าน รวมไปถึงการทำงานและการพักผ่อน  แต่เราสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตของเมื่อเป็นโรคเกาต์ได้ เช่น การทานอาหารเพื่อสุขภาพเพื่อหลีกเลี่ยงอาหารที่อาจจะไปกระตุ้นให้เกิดโรคเกาต์ รวมถึงอาหารที่มีสารพิวรีนสูง อย่างเช่น อาหารที่มีเนื้อแดง เครื่องใน อาหารทะเล  และต้องลดปริมาณในการดื่มประเภทแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะเบียร์ และสุราเป็นต้น เรียนรู้การจัดการตนเอง ศึกษาข้อมูลในการจัดการตนเอง ซึ่งจะช่วยทำให้ผู้ที่เป็นโรคข้ออักเสบ และโรคเกาต์ เข้าใจว่าโรคข้ออักเสบจะส่งผลกระทบต่อชีวิตอย่างไรบ้าง การออกกำลังกาย  การออกกำลังกายอย่างน้อย 2 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ การทำกิจกรรมทุกนาทีมีค่า และการทำกิจกรรมอะไรก็ตาม ก็ยังดีกว่าไม่มีเลย กิจกรรมที่เบาไม่ต้องออกแรงมากที่ขอแนะนำ ได้แก่ การเดิน, การว่ายน้ำ, การปั่นจักรยาน หรือกิจกรรมที่มีแรงกระแทกต่ำเหล่านี้มีความเสี่ยงต่ำที่จะทำให้ได้รับบาดเจ็บ และอย่าบิดหรือทำให้ข้อต่อตึงมากจนเกินไป เพราะว่าการออกกำลังกายเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเรื้อรังชนิดอื่น ๆ ได้ เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคเบาหวานได้ พบแพทย์  คุณสามารถควบคุมโรคข้ออักเสบของคุณโดยการไปพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพประจำปี การลดน้ำหนัก สำหรับคนที่มีน้ำหนักมากเกิน หรือว่าเป็นโรคอ้วน การลดน้ำหนักจะเป็นการช่วยลดแรงกดตรงบริเวณข้อต่อ โดยเฉพาะข้อต่อที่ต้องรับน้ำหนัก อย่างเช่น สะโพกและหัวเข่า การเข้าถึงหรือรักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติสามารถช่วยบรรเทาอาการปวด […]

เป็นเกาต์สามารถทานสัตว์ปีกได้หรือไม่

เกาต์สามารถทานสัตว์ปีก

 ”กินสัตว์ปีกเยอะระวังจะเป็นเกาต์นะ”  ประโยคนี้ที่เราได้ยินกันจนชินจากคนรอบตัวเรา จนทำให้หลาย ๆ คนคิดมากทุกครั้งเวลาที่จะทานอาหารประเภทสัตว์ปีก เพราะว่าอาการของโรคเกาต์น่ากลัวตั้งแต่อาการเริ่มปวดตามข้อต่าง ๆ บนร่างกายของเราและอาจจะไปจนถึงความพิการ หรือว่าอาจจะทำให้เกิดเป็นโรคไตวายแทรกซ้อนได้ โดยที่เราไม่ทราบว่าสาเหตุหลักของการเกิดโรคนี้เกิดมาจาก “กรดยูริก” ที่มีสะสมในร่างกายที่มากเกินไปหรือไม่ การรับประทานสัตว์ปีกในปริมาณที่มากไม่ใช่สาเหตุหลักของการเกิดโรคเกาต์  แต่เพราะโรคนี้เกิดมาจากการสะสมของกรดยูริกในร่างกายที่มีในปริมาณมาก และแน่นอนว่ากรดยูริกชนิดนี้ไม่ใช่กรดที่จะสามารถพบได้มากเฉพาะแต่สัตว์ปีกเพียงเท่านั้น เนื่องจากว่าโรคเกาต์เป็นโรคที่เกิดมาจากการรับประทานอาหาร และการใช้ชีวิตประจำวันเป็นต้น ดังนั้นถ้าหากจะแก้ไขปัญหาก็จะต้องแก้ที่ต้นเหตุไม่ใช่ที่ปลายเหตุอย่างเดียว เช่น การหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีพวกสารพิวรีนสูง ได้แก่ เห็ด,ไข่ปลา,ปลาดุก, ปลาไส้ตัน, ปลาซาร์ดีน, กุ้ง, ผักชะอม, ผักกระถิน, ผักสะเดา, กะปิ, น้ำต้มกระดูก และซุปก้อน  แต่เนื่องจากว่ากรดยูริกจะถูกผลิตมาจากร่างกายของเราเอง ประกอบกับการรับประทานอาหารที่เราทานด้วยในส่วนหนึ่ง แต่ไม่ได้มีผลมากมายเท่ากับกรดยูริกที่อยู่ในร่างกายแต่อย่างใด ถึงแม้ว่าการที่เราทานสัตว์ปีกจะไม่ใช่สาเหตุหลักของการเกิดโรคเกาต์ แต่ถ้าสำหรับคนที่เป็นโรคเกาต์อยู่ก่อนแล้วการที่จะรับประทานสัตว์ หรือว่าอาหารจำพวกที่มีโปรตีน และกรดยูริกสูงก็อาจจะทำให้อาการกำเริบขึ้นมาได้  ทั้งนี้โรคเกาต์เป็นโรคที่เกิดมาจากพันธุกรรมที่มีความผิดปกติของสาร  พิวรีน ในร่างกายทำให้เกิดการสะสมของกรดยูริกมากกว่าปกติ จนตกผลึกอยู่ในรูปของเกลือยูเรต หรือเรียกว่า Urate crystals ทำให้เกิดการสะสมตามบริเวณข้อต่าง ๆ แล้วเมื่อเกิดการแตกตัวออกก็จะเข้าไปแทงตามเนื้อเยื่อต่าง ๆ ทำให้เกิดการอักเสบ ปวดบวม และเป็นโรคเกาต์ได้ในที่สุด ซึ่งจะพบมากในผู้ชาย 80-90% และจะเริ่มเป็นตั้งแต่อายุระหว่าง […]

เอ็นกล้ามเนื้ออักเสบเกิดจากสาเหตุใด

เอ็นกล้ามเนื้ออักเสบ

               เอ็นกล้ามเนื้ออักเสบ  สามารถเกิดขึ้นได้ง่าย ๆ โดยที่เราไม่ทันได้ระวังตัว และเมื่อเกิดการบาดเจ็บเกิดขึ้น ก็จำเป็นจะต้องใช้เวลาในการรักษาที่ค่อนข้างจะนาน อาจจะทำให้พลาดโอกาสดี ๆหลาย ๆ อย่างในชีวิตไป โดยเฉพาะคนที่เป็นนักกีฬา ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุด ก็คือ การหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่จะทำให้เกิดกล้ามเนื้อ บาดเจ็บจะส่งผลทำให้เอ็นอักเสบได้   เอ็นกล้ามเนื้ออักเสบ สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุดังนี้             สาเหตุที่เอ็นกล้ามเนื้ออักเสบเพราะว่ากล้ามเนื้อการบาดเจ็บสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งจากการกระทบที่ภายนอกอย่างรุ่นแรง และทำให้ได้รับบาดเจ็บจากการหดตัวของกล้ามเนื้อ ซึ่งการบาดเจ็บจากแรงที่กระทบจากภายนอก อย่างเช่น แรงปะทะกันขณะเล่นกีฬาประเภทนักฟุตบอลที่คู่ต่อสู้ยกเท้ามายันที่ต้นขาอย่างรุ่นแรง ซึ่งทำให้กล้ามเนื้อต้นขาเกิดการฟกช้ำ เวลาที่ถูกกระแทกฟกช้ำจะส่งผลทำให้หลอดเลือดฝอยต่าง ๆ เกิดการฉีกขาด และมีเลือดออกมาที่บริเวณชั้นกล้ามเนื้อ หรือว่าเกิดการฉีกขาดของเส้นใยกล้ามเนื้อ จนทำให้มีเลือดออกมากขึ้น จึงทำให้เกิดการบวมขึ้นภายใน 48 – 72 ชั่วโมงแรก หรือในกรณีที่ได้รับบาดเจ็บจากการหดตัวของกล้ามเนื้อเองนั้น เป็นเพราะว่าการหดตัวอย่างรุนแรงในทันที จนอาจจะทำให้เกิดหลอดเลือดฝอยที่บริเวณใยกล้ามเนื้อทำให้มีการฉีกขาด สาเหตุก็อาจจะมาจากการใช้งานมากเกินไปอย่างเช่น การเล่นเวทที่เรียกน้ำหนักมากจนเกินกำลังที่เราจะยกได้ หรือว่าอาจจะเล่นนานมากเกินไปจนทำให้กล้ามเนื้อและเอ็นเกิดการอักเสบได้ และสาเหตุส่วนใหญ่เกิดมาจาก 3 สาเหตุหลัก ๆ ดังนี้ ก่อนการออกกำลังกายทุกครั้งขาดการเตรียมร่างกายให้พร้อม  การออกกำลังกายหนักเกินไป อย่างเช่น การออกกำลังกายด้วยการยกเวท โดยการเรียกน้ำหนักมากจนเกินไป การออกกำลังกาย […]

ข้อเข่าเสื่อมเกิดในคนอายุน้อยได้หรือไม่

ข้อเข่าเสื่อมเกิดในคนอายุน้อยได้หรือไม่

            โรคข้อเข่าเสื่อม ไม่ใช่จะเกิดขึ้นได้แค่กับผู้สูงอายุเท่านั้น แต่โรคข้อเข่าเสื่อมสามารถที่จะเกิดขึ้นได้กับทุกเพศและทุกวัย โดยเฉพาะวัยที่ทำงานก็สามารถที่จะเป็นโรคข้อเข่าเสื่อมได้เหมือนกัน โรคข้อเข่าเสื่อมจะพบได้มากในวัยกลางคนและกับผู้สูงอายุ ซึ่งถ้ามีอาการเริ่มแรกแล้วไม่ได้รับการรักษา ก็จะทำให้บริเวณข้อเข่าเจ็บปวด เข่าผิดรูป เดินไม่ได้เป็นปกติจนส่งผลต่อการดำเนินชีวิต ซึ่งตรงนี้อาจจะทำให้หลายคนแปลกใจว่าโรคข้อเข่าเสื่อมสามารถเกิดขึ้นได้กับคนที่อายุน้อยด้วยหรือ เพราะตามปกติแล้วเรามักจะได้ยินว่ากลุ่มเสี่ยงของโรคนี้ ส่วนมากอายุเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 60 ปีขึ้นไป เพราะว่ากระดูกอ่อนผิวข้อจะเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา จึงทำให้น้ำหนักตัวไปกดทับบริเวณเข่าโดยตรง เหมือนกันกับยางรถยนต์ที่ตั้งศูนย์ไม่ดีข้างที่รับน้ำหนักมากเกินไปจึงเสื่อม หรือไม่ก็มักจะเกิดขึ้นกับนักกีฬาประเภทวิ่งและฟุตบอลเพราะว่าต้องใช้ขาเยอะ และทำให้เกิดการบาดเจ็บที่บริเวณหัวเข่าบ่อย ๆ มีการฉีกขาดของเส้นเอ็นจึงส่งผลให้เข่าคลอนแคลนและทำให้เสื่อมเร็วขึ้น แต่ด้วยยุคสมัยเปลี่ยนแปลงไปรวมถึงพฤติกรรมการดื่มเหล้าและการสูบบุหรี่เยอะ ซึ่งทำให้กระดูกตายส่งผลทำให้อุบัติการณ์ข้อเข่าเสื่อมตั้งแต่อายุยังน้อยและยังมีแนวโน้มว่าจะสูงเพิ่มขึ้นด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคนี้การวิ่งมาราธอนกำลังเป็นที่นิยมของใครหลาย ๆ คน จึงทำให้มีความเสี่ยงต่อข้อเข่าเสื่อมได้มากที่สุด และคาดว่าในอนาคตจะสูงขึ้นกว่าปกติถึง 3 เท่าเลยที่เดียว เมื่อ โรคข้อเข่าเสื่อม ไม่ใช่เรื่องที่ไกลตัวของทุกคนอีกต่อไป ดูจากสถิติภาพรวมของคนไทยหลาย ๆ คนพบว่า มีคนป่วยเป็นโรคข้อเข่าเสื่อม ข้ออักเสบสูงถึง 3.5% ของจำนวนประชากรทั้งหมด แบ่งตามความชุกของโรคและตามช่วงอายุ ดังต่อไปนี้ อายุ 60 ปี อยู่ที่ 37.4% อายุ 45 ปี อยู่ที่19.2% และอายุ 25 ปี อยู่ที่ […]

ทานยาโรคเกาต์ต่อเนื่องเป็นอันตรายหรือไม่

ทานยาโรคเกาต์ต่อเนื่องเป็นอันตรายหรือไม่

         โรคเกาต์ เป็นโรคที่เรารู้จักกันดีว่าเป็นโรคข้ออักเสบที่เกิดจากร่างกายมีกรดยูริกในเลือดสูงมากและสะสมมานาน จนทำให้เกิดการตกตะกอนสะสมกลายเป็นผลึกเกลือยูเรตตามบริเวณเนื้อเยื่อต่าง ๆ โดยเฉพาะบริเวณข้อ และบริเวณรอบ ๆ ข้อ เมื่อมีสาเหตุบางอย่างมากระตุ้นจะทำให้ข้ออักเสบอย่างฉับพลันและรุนแรง ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้ระดับกรดยูริกในเลือดสูงส่วนหนึ่งมาจากกรรมพันธุ์ อายุมากขึ้นและการทำงานของไตลดลง หรือเกิดจากการที่เราใช้ยาบางชนิดรวมทั้งการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป และสำหรับการรักษาโรคเกาต์ แพทย์จะให้ยาเพื่อรักษาอาการข้ออักเสบและช่วยลดระดับของกรดยูริกในเลือดให้ต่ำกว่า 5 – 6 มิลลิกรัม/เดซิลิตร เช่น  การใช้ยาโคลชิซิน (Colchicine) ซึ่งเป็นยาที่ใช้ในการรักษาภาวะข้ออักเสบชนิดฉับพลันและใช้ในการป้องกันไม่ให้ข้ออักเสบกำเริบซ้ำจากโรคเกาต์ ผลข้างเคียงของยาที่สำคัญก็คือ ทำให้การขับถ่ายเหลวหรือทำให้ท้องร่วง ซึ่งเป็นปัญหาที่พบได้มากที่สุดในคนป่วยที่สูงอายุ สำหรับคนป่วยที่การทำงานของไตเกิดบกพร่องควรจะต้องมีการปรับขนาดยา เพื่อเป็นการป้องกันผลข้างเคียงจากยาที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ยาสเตียรอยด์ เป็นยาที่มีคุณสมบัติในการต้านการอักเสบ ใช้ในการรักษาสภาวะข้ออักเสบชนิดฉับพลันโดยเฉพาะคนป่วยที่มีข้อห้ามในการใช้ยาโคลชิซินหรือยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ แพทย์อาจจะพิจารณาให้เป็นยาสเตียรอยด์ชนิดรับประทานหรือว่าฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำ หรือกับคนป่วยบางรายแพทย์อาจจะฉีดเข้าบริเวณข้อโดยตรงในกรณีที่มีข้ออักเสบฉับพลันจากเกาต์ที่เป็นข้อใหญ่ 1-2 ข้อ ผลข้างเคียงที่พบก็คือ ทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นและระดับน้ำตาลในเลือดก็เพิ่มขึ้นด้วย  ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ เป็นยาที่มีประสิทธิภาพสูงสามารถยับยั้งการอักเสบชนิดฉับพลันได้ดี ยากลุ่มนี้มีหลากหลายชนิดและสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป จึงเป็นที่นิยมใช้ในการรักษาภาวะข้ออักเสบชนิดฉับพลันจากโรคเกาต์ ผลข้างเคียงที่สำคัญของยาก็คือ ทำให้ระคายเคืองหรือทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหาร คนป่วยบางรายอาจจะมีเลือดออกที่ทางเดินอาหารได้ และยาอาจจะทำให้เกิดไตวายอย่างเฉียบพลันในคนป่วยบางรายโดยเฉพาะคนป่วยสูงอายุ ซึ่งจะเป็นการช่วยลดโอกาสที่จะเกิดข้ออักเสบให้กำเริบซ้ำอีก ปุ่มและก้อนโทฟัสก็จะค่อย ๆ มีเล็กลง คนป่วยเกือบจะทุกรายที่ได้รับการรักษาที่ถูกวิธีก็จะไม่มีอาการปวดข้ออีก แต่คนป่วยโรคเกาต์อีกหลายคนที่เลือกซื้อยามาทานเอง ซึ่งเป็นการรักษาที่ไม่ถูกวิธี จึงทำให้มีอาการกำเริบอยู่บ่อย ๆ และโอกาสที่จะเกิดผลข้างเคียงจากการใช้ยามีมากที่สุด อย่างเช่น […]

ควบคุมอาหารอย่างไรไม่ให้เกาต์กำเริบ

  โรคเกาต์ คือโรคปวดตามข้อชนิดหนึ่ง สามารถสังเกตได้ง่าย ๆ ว่าเรากำลังเป็นโรคเกาต์หรือไม่ โดยให้ดูจากที่อยู่ดี ๆ ก็เกิดอาการปวด ร้อนที่บริเวณข้อเท้า ข้อนิ้วเท้า หรือบริเวณข้อเข่าอย่างฉับพลันและเจ็บมากขึ้นจนไม่สามารถเดินได้ และจะปวดที่บริเวณข้ออื่น ๆ ตามมา อาจจะมีอาการไข้หนาวสั่นร่วมด้วย และมักจะเป็นช่วงเวลากลางคืน แต่อาการก็อาจจะดีขึ้นเองภายใน 2-3 วัน ถ้าหากใครที่มีอาการตามนี้ก็คงไม่ต้องสงสัยเลยคุณเป็นโรคเกาต์แน่นอน  และในทุกวันนี้คนส่วนมากก็หันมาใส่ใจในเรื่องของการทานอาหารกันมากขึ้น เพราะว่าการทานอาหารไม่ดีก็มีโอกาสทำให้เกิดโรคต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น อย่างการทานอาหารอย่างไรไม่ให้โรคเกาต์กำเริบ และวันนี้เราได้นำมาเล่าสู่กันฟังในฉบับนี้ เมื่อเป็นโรคเกาต์จะต้องปฏิบัติตัวอย่างไร คนที่เป็นโรคเกาต์เป็นเพราะว่ามีกรดยูริกเกิดการสะสมในร่างกายเป็นจำนวนมาก  ฉะนั้นการที่จะระวังไม่ให้มีกรดยูริกเกิดการสะสมในร่างกายมากจึงเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ถูกต้อง ซึ่งเราสามารถทำได้ง่าย ๆ โดยการเลือกทานอาหารที่มีสารพิวรีนต่ำ หรือสารพิวรีนปานกลางก็จะทำให้ร่างกายได้รับกรดยูริกได้น้อยลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ยังไม่สามารถควบคุมโรคได้ดี หรือคนที่มีอาการปวดข้ออย่างรุนแรง ควรจะงดอาหารที่มีสารพิวรีนสูงโดยเด็ดขาด เช่น กลุ่มที่มีสารพิวรีนสูง คนป่วยโรคเกาต์ในระยะที่โรคกำเริบควรจะงดอย่างเด็ดขาด เช่น เนื้อไก่ หัวใจไก่ ปลาอินทรีย์ มันสมองวัว ตับไก่ กึ่นไก่ ปลาซาดีน ปลาไส้ตัน เซ่งจี๊หมู ตับหมู กุ้งชีแฮ้ หอย ไข่ปลา หัวใจ […]