แค่ได้ยินชื่อของโรคหลาย ๆ คนก็น่าจะรู้จักกันดีและร้อง อ๋อ เพราะโรคนี้เป็นโรคที่ได้ยินบ่อย ๆ ไม่ว่าจะจากที่ไหน และประเทศไทยยังเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีผู้ป่วยโรคเก๊าท์สูงที่สุด และค้นพบว่าส่วนใหญ่แล้วเป็นผู้ชายอายุตั้งแต่ 40-70 ปีอีกด้วย
โดยโรคนี้มีอาการคือปวดตามข้อพับต่าง ๆ ปวดเมื่อยตามตัว รู้สึกอ่อนล้า เหนื่อยแรง แม้ว่าจะกินยาก็ไม่หายปวด ซึ่งเป็นอาการเริ่มแรกของโรคนี้ โดยเมื่อผ่านไประยะเวลานาน โรคอาจจะรุนแรงมากขึ้น มีโอกาสที่จะก่อให้เกิดภาวะปวดบวม มีอาการปูดบวมตามข้อต่าง ๆ เป็นโรคที่ดูผ่าน ๆ ไม่ได้น่ากลัวอะไร แต่ความจริงแล้วมีผลค่อนข้างร้ายแรง หลาย ๆ คนรู้จักโรคนี้ รู้จักถึงอาการของมัน แต่ไม่รู้ว่าสาเหตุคืออะไร วันนี้ เรามีคำตอบ
การดื่มสุราหนัก
โรคเก๊าท์นี้เกิดจากที่ร่างกายมีกรดยูริกมาเกินไปทำให้ไปอุดตันตามบริเวณข้อพับ และกระดูกต่าง ๆ ในร่างกายจนเกิดเป็นอาการปวด เมื่อนานเข้าอาจจะมีอาการปวดบวม ปูดนูนขึ้นมา โดยตัวกรดยูริกนี้เกิดจากที่ร่างกายเผาผลาญสารพิวรีน ซึ่งมักจะมาจากอาหาร โดยปกติเมื่อย่อยสลายสารพิวรีนแล้วได้กรดยูริกแล้ว ร่างกายจะขับกรดยูริดออกเองในรูปแบบของปัสสาวะ แต่หากร่างกายมีมากไปจนไม่สามารถขับออกได้ก็จะเข้าไปอุดตันตามข้อกระดูกนั่นเอง
ซึ่งเหล้าหรือสุราเป็นเครื่องดื่มที่มีสารพิวรีนสูง และก่อให้เกิดกรดยูริกในร่างกายมากเกินความเป็น โดยนอกจากที่เหล้าจะเป็นสาเหตุให้เกิดโรคเก๊าท์แล้ว เหล้ายังเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคอื่น ๆ ตามมาอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น โรคไต โรคเสพติดแอลกอฮอล์ และอื่น ๆ อีกมากมาย ดังนั้นทางที่ดีการงดดื่มสุราจะทำให้สุขภาพของดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดแน่นอน
ได้รับวิตามินซีไม่เพียงพอ
เมื่อร่างกายได้รับวิตามินซีไม่เพียงพอ ความสามารถในการขับถ่ายกรดยูริกของร่างกายก็ลดลง เป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดโรคเก๊าท์ได้ โดยตัววิตามินซีจะไปช่วยให้ระบบขับถ่ายปัสสาวะของร่างกาย สามารถขับกรดยูริกออกมาทางปัสสาวะได้ง่ายขึ้น และช่วยเสริมประสิทธิภาพต่าง ๆ ให้กับร่างกายอีกด้วย
โดยในการเพิ่มวิตามินซีให้แก่ร่างกาย แนะนำให้เป็นวิตามินซีธรรมชาติมากกว่าวิตามินซีแคปซูลหรือวิตามินซีปรุงแต่ง เพราะอาจไม่ได้รับสารอาหารเท่าที่คุณ การทานผักผลไม้ก็เป็นส่วนที่จะช่วยเพิ่มวิตามินซีให้ร่างกายได้ นอกจากนี้ยังสามารถช่วยให้ระบบต่าง ๆ ของร่างกายทำงานได้ดีขึ้นอีกด้วย
ดื่มน้ำอัดลมมากเกินไป
มีผลวิจัยค้นพบว่า น้ำอัดลมที่มีน้ำตาลฟรุตโตส มีส่วนทำให้กรดยูริกไปอุดตันตามข้อกระดูกมากถึง 85 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งน้ำอัดลมแทบทั้งหมดมีน้ำตาลฟรุตโตสทั้งนั้น
น้ำตาลฟรุกโตส คือน้ำตาลชนิดหนึ่งที่มีผลช้ากว่าน้ำตาลทั่วไปในเรื่องของการเข้าไปเพิ่มน้ำตาลในเลือด แต่จากงานวิจัยค้นพบว่า นอกจากน้ำตาลฟรุกโตสจะมีส่วนทำให้กรดยูริกในร่างกายอุดตันแล้ว ยังส่งผลให้ร่างกายมีภาวะเสี่ยงไขมันอุดตันในเส้นเลือด โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมองอีกด้วย นอกจากนี้น้ำตาลฟรุกโตสยังพบได้จากผลไม้บางชนิด ดังนั้นก่อนกินอะไรก็ศึกษาให้ดี
ยาที่ส่งผลต่อการขับกรดยูริก
ผู้ป่วยโรคบางโรคที่จำเป็นต้องใช้ยา อาจจะเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคเก๊าท์โดยไม่รู้ตัว เช่น ยาขับปัสสาวะ ที่แม้ว่าจะช่วยให้การขับปัสสาวะซึ่งเป็นหนึ่งในวิธีการขับกรดยูริกออกมาทำงานได้ดีขึ้น แต่การฝืนร่างกายยิ่งทำให้ตัวกรดยูริกสะสมในร่างกายมากขึ้น และไม่สามารถขับออกมาได้ หรือยาลดความดันเลือดที่ไปทำให้เลือดไหลเวียนด้วยความดันที่ช้าลง แม้เพียงเล็กน้อย กรดยูริกที่ในตอนแรกไหลเวียนไปตามกระแสเลือด กลายเป็นว่าไหลช้า และเข้าไปติดตามร่องกระดูกได้อย่างง่ายดาย ทำให้เกิดเป็นโรคเก๊าท์
กรรมพันธุ์
จากผลวิจัยพบว่า มากกว่า 1 ใน 5 ของผู้ป่วยโรคเก๊าท์ มีคนในครอบครัวที่เป็นโรคเก๊าท์เช่นเดียวกัน ในตอนแรกว่ากันว่าโรคนี้ไม่ใช่โรคที่สามารถติดต่อกันทางพันธุกรรมได้ ดังนั้นในเรื่องของพันธุกรรม อาจจะมาจากโรคอื่น เช่น ความดันโลหิตต่ำ โรคทางปัสสาวะ หรือโรคอื่น ๆ ที่มีผลให้กรดยูริกเข้าไปอุดตันในเส้นเลือด และเกิดเป็นโรคเก๊าท์ขึ้นมา
นอกจากนี้ ค้นพบว่า ผู้ป่วยโรคเก๊าท์บางส่วนก็ไม่ได้มีประวัติเกี่ยวกับสาเหตุที่อาจจะทำให้เป็นโรคเก๊าท์ได้เลย ในปัจจุบันนี้ยังมีการศึกษาและค้นคว้ากันอย่างต่อเนื่องว่า สรุปแล้วโรคเก๊าท์นั้นเป็นโรคที่สามารถส่งต่อกันผ่านทางกรรมพันธุ์ได้หรือไม่
สรุป
โรคเก๊าท์ อีกหนึ่งโรคยอดฮิตของคนไทย ที่หากจะบอกว่า เป็นโรคแห่งความประมาท ก็ไม่โอเวอร์นัก เพราะผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่ป่วยเป็นโรคนี้ เกิดจากความไม่ดูแลตัวเอง และการปล่อยปะละเลยร่างกายตัวเอง จนทำให้ร่างกายเกิดภาวะยูริกเกิน จากนั้นมันก็เข้าไปอุดตันตามข้อพับ จนเกินเป็นโรคเก๊าท์ไปโดยปริยาย วิธีการหลีกเลี่ยงโรคเก๊าท์นั้นก็เพียงแค่ งดทานอาหารที่มีสารพิวรีน และเข้าพบแพทย์เป็นประจำเมื่อคิดว่าตัวเองเสี่ยงเป็นโรคเก๊าท์ นอกจากนี้ในการออกกำลังกายก็สามารถช่วยหลีกเลี่ยงปัญหาโรคเก๊าท์ได้อีกด้วย
