fbpx

กระดูกข้อเข่าเสื่อม สังเกตอย่างไร?

กระดูกข้อเข่าเสื่อม

อาการเริ่มของกระดูกข้อเข่าเสื่อมสังเกตได้อย่างไร

ในปี 2021 นี้ เทรนด์การดูแลสุขภาพกำลังมาแรงอย่างมาก หลาย ๆ คนเริ่มสนใจที่จะดูแลตัวเองกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย หรือการทานอาหาร แต่หลาย ๆ คนมองข้ามปัญหาที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดไป นั่นก็คือปัญหากระดูก เพราะหลาย ๆ คนคิดว่า กระดูกนั้นเป็นอวัยวะที่แข็งแรงอยู่แล้ว ไม่ต้องดูแลอะไรมาก แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย เพราะกระดูกเป็นอวัยวะที่จะต้องแบกรับร่างกายทั้งหมดเอาไว้ ทำให้มีอัตราการสึกหรอที่คงที่ เมื่ออายุมากขึ้นก็จะเห็นว่า กระดูกนั้นไม่ได้แข็งแรงเหมือนตอนอายุน้อยอีกแล้ว

ดังนั้นเราควรที่จะดูแลกระดูกของตัวเองตั้งแต่อายุยังน้อย เพื่อให้เมื่อเข้าสู่ช่วงวัยชรา เราจะได้สามารถใช้ร่างกายได้อย่างเต็มที่และหลีกเลี่ยงโรคต่าง ๆ นั่นเอง

ซึ่งในบทความนี้ เราจึงจะขอมาแนะนำอาการของอีกหนึ่งโรคทางกระดูกที่สำคัยและเกิดขึ้นบ่อยอย่างมากในคนไทยอย่างโรค กระดูกเสื่อม

กระดูกเสื่อม คืออะไร

กระดูกเสื่อม คืออาการของกระดูก ที่มีอาการสึกหรออย่างรุนแรง จนทำให้เวลาขยับตัวหรือเวลาเคลื่อนที่ เกิดอาการเจ็บภายในร่างกาย บางรายอาจจะร้ายแรงไปจนถึงแม้ว่าจะนอนอยู่เฉย ๆ ก็รู้สึกเจ็บเลยก็มี ซึ่งอาการของโรค กระดูกเสื่อม นี่ เกิดขึ้นได้หลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นเพราะอายุมากขึ้นทำให้กระดูกสึกหรอ หรือจะเป็นเพราะน้ำหนักที่มากเกินจนกระดูกไม่สามารถรับไหวก็สามารถทำให้เกิดอาการของกลุ่มโรคกระดูกเสื่อมเช่นเดียวกัน โดยอาการของโรคกระดูกเสื่อมที่สามารถสังเกตได้ง่าย มีดังนี้

ปวดเมื่อยตามตัว

อีกหนึ่งอาการที่เกิดขึ้นบ่อยและสามารถสังเกตได้ง่ายมากที่สุดนั่นก็คือการปวดเมื่อยตามตัว ผู้ป่วยหลาย ๆ คนมีอาการปวดตามตัวเรื้อรังมากกว่าสิบปี แต่คิดว่าเป็นอาการของผู้สูงอายุทั่วไปทำให้ไม่ใส่ใจที่จะพบแพทย์หรือรักษาให้ถูกวิธี ทำให้อาการของโรคเรื้อรังและเจ็บมากขึ้นเรื่อย ๆ นอกจากนี้อาการปวดเมื่อยตามตัวนั้นยังสามารถเกิดขึ้นได้กับคนที่อายุยังน้อยที่เสี่ยงเกิดโรคกระดูกเสื่อมอีกด้วย แม้ว่าในกลุ่มผู้ป่วยอายุน้อยอาการปวดจะไม่ได้ปวดตลอดเวลา แต่ก็ถือว่าเป็นสัญญาณของโรคกระดูกเสื่อมที่ค่อนข้างน่ากลัวเลยทีเดียว

ซึ่งอาการปวดเมื่อยตามตัวนี้ อาจจะปวดตามข้อพับต่างๆ  เช่น ข้อมือ ข้อเท้า หรืออาจจะปวดไปทุกส่วนเลยก็ได้ ยิ่งปวดหลายที่แสดงว่าอาการของโรคกระดูกนั้นค่อนข้างที่จะร้ายแรงแล้ว สำหรับใครที่เริ่มรู้สึกว่าปวดเมื่อยตามตัวทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ออกกำลังกายหรือทำอะไรหนัก ๆ ควรรีบพบแพทย์

ขยับตัวลำบาก ขยับตัวแล้วเหนื่อยง่าย

ผู้ป่วยหลาย ๆคนที่ประสบกับอาการแบบนี้ มักจะคิดว่าเป็นอาการเหนื่อยหรือล้าธรรมดา แต่ความจริงแล้วอาการขยับตัวลำบากหรือขยับตัวแล้วเหนื่อยง่ายก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งอาการของโณคกระดูกเสื่อมได้เช่นเดียวกัน เพราะว่ากระดูกที่สึกหรอนั้นจะไม่สามารถแบกรับน้ำหนักของร่างกายได้เพียงพอ เมื่อขยับตัวจึงทำให้รู้สึกอืด ช้า ขยับตัวยาก ขยับตัวแล้วรู้สึกเหนื่อยมากกว่าเดิม หรือต้องใช้แรงเยอะมากกว่าปกติ นอกจากนี้การขยับตัวอาจจะทำให้รู้สึกเจ็บ โดยเมื่อปล่อยไว้นาน ๆ ก็อาจจะมีโอกาสนำไปสู่โรคที่ร้ายแรงกว่าเดิม เช่น โรคอัมพาตครึ่งซีก กล้ามเนื้ออ่อนแรง

กลั้นปัสสาวะหรืออุจจาระไม่อยู่

นี่เป็นอาการที่ผู้ป่วยไม่ค่อยรู้ว่าเป็นสัญญาณของโรคกระดูก ก่อนอื่นเราต้องมาทำความเข้าใจกันก่อนว่า การกลั้นปัสสาวะหรืออุจจาระนั้นใช้แรงของกระดูกและกล้ามเนื้อในส่วนของกระดูกเชิงกรานที่ใช้งานทั้งบริเวณก้นและอวัยวะเพศ โดยกระดูกส่วนนี้จะมีทั้งนี้ขยับเพื่อบีบตัวไม่ให้ลำไส้ใหญ่และเล็กสามารถที่จะปล่อยปัสสาวะและอุจจาระออกมาทางท่อของลำไส้ได้

เมื่อผู้ป่วยที่มีอาการของโรคกระดูกเสื่อมพยายามที่จะกลั้นปัสสาวะหรืออุจจาระ กระดูกที่มีอาการเสื่อมและสึกหรอก็จะไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ หรือบางรายอาจจะไม่สามารถกลั้นได้เลย ซึ่งหลาย ๆ คนเข้าใจผิดและรักษาแบบผิด ๆ ทำให้ไม่สามารถรักษาอาการนี้ได้ จนกระทั่งเกิดเป็นโรคเรื้อรัง โดยอาการแบบนี้ส่วนใหญ่แล้วมักจะเกิดขึ้นกับผู้สูงอายุ เพราะอาการนี้จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่ออาการของโรคกระดูกเสื่อมนั้นหนักมากแล้วเท่านั้น

วิธีการรักษาและดูแล เพื่อห่างจากโรคกระดูกเสื่อม

สำหรับคนที่อายุยังน้อย แนะนำให้เริ่มออกกำลังแบบเบา ๆ ก่อน เพราะหากออกกำลังกายหนักเกินไปอาจจะทำให้ร่างกายรับไม่ไหว โดยการออกกำลังกายที่เหมาะสำหรับคนที่มีอาการกระดูกเสื่อมนั้นได้แก่ การเดินหรือวิ่งจ๊อกกิ้ง ยกของเบา ๆ ส่วนคนที่อายุมากแล้ว แนะนำให้ไปพบแพทย์และรับคำปรึกษาเพื่อเข้ารับการรักษาที่ถูกต้อง หากรักษาด้วยตัวเอง เช่น ซื้อยากินเอง หรือ ออกกำลังกายเอง อาจจะทำให้อาการของโณคกระดูกเสื่อมหนักขึ้นกว่าเดิม เพราะผู้ป่วยโรคกระดูกเสื่อมที่มีอายุมากนั้นจะต้องระวังเป็นพิเศษในเรื่องของการรักษา นอกจากจะอาจจะทำให้อาการของโรคกระดูกเสื่อมหนักกว่าเดิมแล้ว อาจจะทำให้มีโรคแทรกซ้อนอื่นตามมาอีกด้วยหากรักษาไม่ถูกวิธี หรือบางเคสก็อาจจะมีโรคอื่นอยู่แล้ว ดังนั้นการพบแพทย์และรับคำปรึกษา จึงถือว่าเป็นวิธีการรักษาที่ดีที่สุด และสามารถที่จะได้ผลมากที่สุดนั่นเอง