โรคกระดูกพรุน (Osteoporosis) เป็นหนึ่งในปัญหาสุขภาพที่ถูกเรียกว่า “ภัยเงียบ” เพราะผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่รู้ตัวจนกระดูกหักหรือเกิดภาวะแทรกซ้อน ทำให้คุณภาพชีวิตลดลงอย่างมาก ปัจจุบันโรคนี้ไม่ได้จำกัดแค่ผู้สูงอายุเท่านั้น แต่ยังเกิดได้กับคนวัยทำงาน โดยเฉพาะผู้หญิงหลังหมดประจำเดือน การรู้เท่าทันสาเหตุ อาการ และแนวทางการป้องกัน จะช่วยลดความเสี่ยงและทำให้เราดูแลสุขภาพกระดูกได้อย่างถูกต้อง
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงของโรคกระดูกพรุน
1. ความเสื่อมตามวัย
- เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายจะสูญเสียมวลกระดูกเร็วกว่าการสร้างกระดูกใหม่ ทำให้กระดูกบางและเปราะง่าย
2. ฮอร์โมนและเพศ
- ผู้หญิงหลังหมดประจำเดือนมีความเสี่ยงสูง เนื่องจากระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง
- ผู้ชายที่มีระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนต่ำก็เสี่ยงเช่นกัน
3. ปัจจัยด้านพฤติกรรมและโภชนาการ
- การขาดแคลเซียมและวิตามินดี
- การดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ หรือดื่มกาแฟมากเกินไป
- ขาดการออกกำลังกาย โดยเฉพาะการออกกำลังกายที่มีแรงกดบนกระดูก (weight-bearing exercise)
4. ยาและโรคประจำตัว
- การใช้ยาสเตียรอยด์เป็นเวลานาน
- โรคเรื้อรังบางชนิด เช่น โรคไทรอยด์ โรครูมาตอยด์
- อาการและสัญญาณเตือนที่คุณควรรู้
- โรคกระดูกพรุนมักไม่มีอาการชัดเจนในระยะเริ่มต้น แต่ควรระวังหากพบสัญญาณเหล่านี้
- ปวดหลังเรื้อรังหรือปวดหลังเฉียบพลัน
- ส่วนสูงลดลงเมื่อเทียบกับช่วงวัยหนุ่มสาว
- หลังค่อม หรือกระดูกสันหลังโก่งผิดปกติ
- กระดูกหักง่ายแม้เพียงล้มเบาๆ หรือสะดุดหกล้มเล็กน้อย
- กระดูกข้อมือ สะโพก หรือกระดูกสันหลังหักโดยไม่ชัดเจน
การวินิจฉัยและการตรวจเบื้องต้น
แพทย์จะซักประวัติ ตรวจร่างกาย และอาจแนะนำการตรวจเพิ่มเติม เช่น
- การตรวจวัดความหนาแน่นกระดูก (Bone Mineral Density: BMD) ด้วยเครื่อง DEXA scan เป็นวิธีมาตรฐานที่ใช้วินิจฉัยโรค
- การตรวจเลือดและปัสสาวะ เพื่อประเมินสมดุลแคลเซียม วิตามินดี และฮอร์โมน
- การเอกซเรย์ เพื่อตรวจหากระดูกหักหรือความผิดปกติอื่นๆ
แนวทางการรักษา: ทางเลือกที่หลากหลายเพื่อสุขภาพที่ดี
- การรักษาแบบไม่ใช้การผ่าตัด
- การใช้ยา: เช่น ยาลดการสลายกระดูก (Bisphosphonates), ยากลุ่มฮอร์โมนทดแทนในผู้หญิงบางราย
- การเสริมอาหารและวิตามิน: รับประทานแคลเซียมและวิตามินดีให้เพียงพอ
- กายภาพบำบัดและการออกกำลังกาย: ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและสมดุลร่างกาย ลดการหกล้ม
- การรักษาแบบผ่าตัด (ในบางกรณี)
- หากเกิดกระดูกหัก โดยเฉพาะกระดูกสันหลังหรือสะโพก อาจจำเป็นต้องรักษาด้วยการผ่าตัดเพื่อแก้ไขความผิดรูปหรือป้องกันภาวะแทรกซ้อน
การดูแลตัวเองและการป้องกันในชีวิตประจำวัน
- รับประทานอาหารที่มี แคลเซียมสูง เช่น นม ปลาตัวเล็กกินทั้งกระดูก ถั่วเมล็ดแห้ง
- รับแสงแดดยามเช้าเพื่อกระตุ้นการสร้างวิตามินดี
- ออกกำลังกายเป็นประจำ โดยเฉพาะการเดิน วิ่งเหยาะ หรือโยคะ
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ และคาเฟอีนมากเกินไป
- ตรวจสุขภาพกระดูกสม่ำเสมอ โดยเฉพาะผู้หญิงอายุ 50 ปีขึ้นไป หรือผู้ชายอายุ 60 ปีขึ้นไป
เมื่อไหร่ที่ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
คุณควรเข้าพบแพทย์หากมีอาการต่อไปนี้:
- ปวดหลังหรือปวดกระดูกโดยไม่ทราบสาเหตุ
- ส่วนสูงลดลงหรือเริ่มหลังค่อม
- กระดูกหักง่ายผิดปกติ
- มีประวัติครอบครัวเป็นโรคกระดูกพรุน
- กำลังใช้ยาที่เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุน
โรคกระดูกพรุนเป็นภัยเงียบที่ใกล้ตัวกว่าที่คิด หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ตรวจหรือดูแล อาจนำไปสู่ภาวะกระดูกหักเรื้อรังที่ทำให้สูญเสียการเคลื่อนไหวและคุณภาพชีวิตได้ การป้องกันตั้งแต่วัยหนุ่มสาวด้วยการกินอาหารที่เหมาะสม ออกกำลังกาย และตรวจสุขภาพกระดูกอย่างสม่ำเสมอ คือกุญแจสำคัญที่จะทำให้คุณมีสุขภาพกระดูกที่แข็งแรง
ช่องทางติดต่อ
“คลินิกกระดูกและข้อ หมอสุทธิ์”
โทร : 061-010-6396
LINE : @drsuttclinic (อย่าลืมใส่ @)
Facebook : คลินิกกระดูกและข้อ หมอสุทธิ์