fbpx

โรคกระดูกพรุน: ภัยเงียบใกล้ตัวที่ไม่ควรมองข้าม

โรคกระดูกพรุน (Osteoporosis) เป็นหนึ่งในปัญหาสุขภาพที่ถูกเรียกว่า “ภัยเงียบ” เพราะผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่รู้ตัวจนกระดูกหักหรือเกิดภาวะแทรกซ้อน ทำให้คุณภาพชีวิตลดลงอย่างมาก ปัจจุบันโรคนี้ไม่ได้จำกัดแค่ผู้สูงอายุเท่านั้น แต่ยังเกิดได้กับคนวัยทำงาน โดยเฉพาะผู้หญิงหลังหมดประจำเดือน การรู้เท่าทันสาเหตุ อาการ และแนวทางการป้องกัน จะช่วยลดความเสี่ยงและทำให้เราดูแลสุขภาพกระดูกได้อย่างถูกต้อง
 

สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงของโรคกระดูกพรุน

1. ความเสื่อมตามวัย
  • เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายจะสูญเสียมวลกระดูกเร็วกว่าการสร้างกระดูกใหม่ ทำให้กระดูกบางและเปราะง่าย
2. ฮอร์โมนและเพศ
  • ผู้หญิงหลังหมดประจำเดือนมีความเสี่ยงสูง เนื่องจากระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง
  • ผู้ชายที่มีระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนต่ำก็เสี่ยงเช่นกัน
3. ปัจจัยด้านพฤติกรรมและโภชนาการ
  • การขาดแคลเซียมและวิตามินดี
  • การดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ หรือดื่มกาแฟมากเกินไป
  • ขาดการออกกำลังกาย โดยเฉพาะการออกกำลังกายที่มีแรงกดบนกระดูก (weight-bearing exercise)
4. ยาและโรคประจำตัว
 
  • การใช้ยาสเตียรอยด์เป็นเวลานาน
  • โรคเรื้อรังบางชนิด เช่น โรคไทรอยด์ โรครูมาตอยด์
  • อาการและสัญญาณเตือนที่คุณควรรู้
  • โรคกระดูกพรุนมักไม่มีอาการชัดเจนในระยะเริ่มต้น แต่ควรระวังหากพบสัญญาณเหล่านี้
  • ปวดหลังเรื้อรังหรือปวดหลังเฉียบพลัน
  • ส่วนสูงลดลงเมื่อเทียบกับช่วงวัยหนุ่มสาว
  • หลังค่อม หรือกระดูกสันหลังโก่งผิดปกติ
  • กระดูกหักง่ายแม้เพียงล้มเบาๆ หรือสะดุดหกล้มเล็กน้อย
  • กระดูกข้อมือ สะโพก หรือกระดูกสันหลังหักโดยไม่ชัดเจน
 

การวินิจฉัยและการตรวจเบื้องต้น

แพทย์จะซักประวัติ ตรวจร่างกาย และอาจแนะนำการตรวจเพิ่มเติม เช่น
 
  • การตรวจวัดความหนาแน่นกระดูก (Bone Mineral Density: BMD) ด้วยเครื่อง DEXA scan เป็นวิธีมาตรฐานที่ใช้วินิจฉัยโรค
  • การตรวจเลือดและปัสสาวะ เพื่อประเมินสมดุลแคลเซียม วิตามินดี และฮอร์โมน
  • การเอกซเรย์ เพื่อตรวจหากระดูกหักหรือความผิดปกติอื่นๆ
 

แนวทางการรักษา: ทางเลือกที่หลากหลายเพื่อสุขภาพที่ดี

  • การรักษาแบบไม่ใช้การผ่าตัด
    • การใช้ยา: เช่น ยาลดการสลายกระดูก (Bisphosphonates), ยากลุ่มฮอร์โมนทดแทนในผู้หญิงบางราย
    • การเสริมอาหารและวิตามิน: รับประทานแคลเซียมและวิตามินดีให้เพียงพอ
    • กายภาพบำบัดและการออกกำลังกาย: ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและสมดุลร่างกาย ลดการหกล้ม
 
  • การรักษาแบบผ่าตัด (ในบางกรณี)
    • หากเกิดกระดูกหัก โดยเฉพาะกระดูกสันหลังหรือสะโพก อาจจำเป็นต้องรักษาด้วยการผ่าตัดเพื่อแก้ไขความผิดรูปหรือป้องกันภาวะแทรกซ้อน
 

การดูแลตัวเองและการป้องกันในชีวิตประจำวัน

  • รับประทานอาหารที่มี แคลเซียมสูง เช่น นม ปลาตัวเล็กกินทั้งกระดูก ถั่วเมล็ดแห้ง
  • รับแสงแดดยามเช้าเพื่อกระตุ้นการสร้างวิตามินดี
  • ออกกำลังกายเป็นประจำ โดยเฉพาะการเดิน วิ่งเหยาะ หรือโยคะ
  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ และคาเฟอีนมากเกินไป
  • ตรวจสุขภาพกระดูกสม่ำเสมอ โดยเฉพาะผู้หญิงอายุ 50 ปีขึ้นไป หรือผู้ชายอายุ 60 ปีขึ้นไป
 

เมื่อไหร่ที่ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

คุณควรเข้าพบแพทย์หากมีอาการต่อไปนี้:
  • ปวดหลังหรือปวดกระดูกโดยไม่ทราบสาเหตุ
  • ส่วนสูงลดลงหรือเริ่มหลังค่อม
  • กระดูกหักง่ายผิดปกติ
  • มีประวัติครอบครัวเป็นโรคกระดูกพรุน
  • กำลังใช้ยาที่เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุน
 
 
โรคกระดูกพรุนเป็นภัยเงียบที่ใกล้ตัวกว่าที่คิด หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ตรวจหรือดูแล อาจนำไปสู่ภาวะกระดูกหักเรื้อรังที่ทำให้สูญเสียการเคลื่อนไหวและคุณภาพชีวิตได้ การป้องกันตั้งแต่วัยหนุ่มสาวด้วยการกินอาหารที่เหมาะสม ออกกำลังกาย และตรวจสุขภาพกระดูกอย่างสม่ำเสมอ คือกุญแจสำคัญที่จะทำให้คุณมีสุขภาพกระดูกที่แข็งแรง
 
 

ช่องทางติดต่อ
“คลินิกกระดูกและข้อ หมอสุทธิ์”

โทร : 061-010-6396
LINE : @drsuttclinic (อย่าลืมใส่ @)
Facebook : คลินิกกระดูกและข้อ หมอสุทธิ์

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *