🩺 ปวดสะโพกร้าวลงขา ต้องผ่าตัดไหม? อาการนี้บอกอะไรกับเราได้บ้าง
หลายคนคงเคยมีอาการ “ปวดสะโพกร้าวลงขา” จนเดินไม่สะดวก บางคนรู้สึกเหมือนมีไฟช็อตหรือชาไปตามขา แล้วสงสัยว่า “ต้องผ่าตัดหรือเปล่า?”
ความจริงแล้วอาการนี้มีได้หลายสาเหตุ ตั้งแต่กล้ามเนื้ออักเสบเล็กน้อย ไปจนถึงภาวะที่ต้องรักษาโดยแพทย์เฉพาะทาง เช่น หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท หรือข้อสะโพกเสื่อม การเข้าใจต้นเหตุที่แท้จริงจึงสำคัญมาก เพราะจะช่วยให้เลือกแนวทางรักษาได้ถูกต้อง — ไม่จำเป็นต้องผ่าตัดเสมอไป
🔍 สาเหตุของอาการปวดสะโพกร้าวลงขา
1. หมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อนหรือทับเส้นประสาท (Herniated Disc)
เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดในผู้ที่มีอาการปวดสะโพกร้าวลงขา โดยเฉพาะในคนที่นั่งนาน ยกของหนัก หรืออายุมาก
เมื่อหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท จะทำให้เกิดอาการปวด ชา หรือร้าวจากสะโพกไปถึงขา หรือแม้แต่ปลายเท้า
2. กล้ามเนื้อสะโพกหนีบเส้นประสาท (Piriformis Syndrome)
กล้ามเนื้อที่อยู่ลึกในบริเวณก้นอาจเกร็งตัวและกดทับเส้นประสาทไซอาติก ทำให้เกิดอาการปวดร้าวลงขาคล้ายหมอนรองกระดูกทับเส้น แต่ไม่ใช่จากกระดูกสันหลัง
3. ข้อสะโพกเสื่อม (Hip Osteoarthritis)
พบในผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีการใช้งานข้อสะโพกมาก เช่น ยืนหรือเดินนาน
อาการจะปวดลึกบริเวณขาหนีบหรือก้นกบ และร้าวลงต้นขาได้
4. การอักเสบของเส้นเอ็นหรือกล้ามเนื้อรอบสะโพก
เช่น กล้ามเนื้ออักเสบจากการออกกำลังกายเกิน หรือท่าทางการนั่งที่ไม่ถูกต้องเป็นเวลานาน
⚠️ อาการและสัญญาณเตือนที่คุณควรรู้
หากคุณมีอาการต่อไปนี้ ควรใส่ใจเป็นพิเศษ เพราะอาจเป็นสัญญาณของโรคที่ต้องได้รับการวินิจฉัยโดยแพทย์เฉพาะทาง
- ปวดสะโพกร้าวลงขา ชา หรือรู้สึกเหมือนไฟช็อต
- ปวดมากขึ้นเมื่อไอ จาม หรือเบ่ง
- เดินแล้วขาอ่อนแรง ยกขาไม่ขึ้น
- ปวดร้าวถึงปลายเท้า โดยเฉพาะด้านหลังขา
- ปวดเรื้อรังนานเกิน 2 สัปดาห์ ไม่ดีขึ้นแม้พัก
หากอาการเหล่านี้เริ่มรบกวนชีวิตประจำวัน เช่น เดินหรือยืนนานไม่ได้ ควรรีบพบแพทย์ทันที เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง
🧠 การวินิจฉัยและการตรวจเบื้องต้น
แพทย์จะเริ่มจากการซักประวัติและตรวจร่างกาย เช่น การทดสอบแรงขาและการยกขา เพื่อประเมินว่ามีการกดทับเส้นประสาทหรือไม่
หากสงสัยว่าเป็นจากหมอนรองกระดูกหรือข้อสะโพกเสื่อม แพทย์อาจแนะนำให้ตรวจเพิ่มเติม เช่น
- เอกซเรย์ (X-ray): เพื่อดูความผิดปกติของข้อสะโพกหรือกระดูกสันหลัง
- MRI: ช่วยให้เห็นภาพหมอนรองกระดูกและเส้นประสาทได้ชัดเจน
- การตรวจการนำกระแสประสาท (Nerve Conduction Study): ใช้ในบางกรณีเพื่อประเมินความเสียหายของเส้นประสาท
💊 แนวทางการรักษา: ไม่จำเป็นต้องผ่าตัดเสมอไป
🔹 การรักษาแบบไม่ผ่าตัด
ในผู้ป่วยส่วนใหญ่ แพทย์จะเริ่มจากการรักษาแบบอนุรักษ์ก่อน เช่น
- การพักและหลีกเลี่ยงท่าที่กระตุ้นอาการ
- การใช้ยา: เช่น ยาแก้ปวดกลุ่มต้านการอักเสบ (NSAIDs)
- กายภาพบำบัด: เพื่อยืดกล้ามเนื้อสะโพก บั้นเอว และเสริมสร้างกล้ามเนื้อหลัง
- การประคบร้อน-เย็น: ช่วยลดการอักเสบและบรรเทาอาการปวด
- ฉีดยาลดอักเสบเฉพาะที่ (Steroid Injection): ในกรณีที่อาการรุนแรงและไม่ตอบสนองต่อการรักษาทั่วไป
🔸 การรักษาแบบผ่าตัด
แพทย์จะพิจารณาการผ่าตัดเฉพาะในกรณีที่
- อาการรุนแรงมากจนเดินหรือใช้ชีวิตประจำวันไม่ได้
- มีอาการชาและอ่อนแรงของขามากขึ้นเรื่อยๆ
- การรักษาแบบไม่ผ่าตัดนานกว่า 6–12 สัปดาห์แล้วไม่ดีขึ้น
- การผ่าตัดอาจเป็นการเอาหมอนรองกระดูกที่กดทับเส้นประสาทออก หรือผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียมในกรณีข้อสะโพกเสื่อมรุนแรง
🧘♀️ การดูแลตัวเองและการป้องกันในชีวิตประจำวัน
เพื่อหลีกเลี่ยงอาการปวดสะโพกร้าวลงขา ควรดูแลตัวเองด้วยวิธีเหล่านี้
- หลีกเลี่ยงการนั่งนานเกิน 1 ชั่วโมง ควรลุกยืดเส้นทุกครั้ง
- ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
- เสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหลังและหน้าท้องด้วยการออกกำลังกาย เช่น ว่ายน้ำ หรือโยคะ
- หลีกเลี่ยงการยกของหนักในท่าก้มหลัง
- ปรับท่านั่งให้หลังตรงและเท้าวางราบบนพื้น
- หากมีอาการปวด ควรพักทันที อย่าฝืน
เมื่อไหร่ที่ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
- ปวดร้าวลงขาหรือชานานเกิน 2 สัปดาห์
- ขาเริ่มอ่อนแรง เดินสะดุด หรือยกขาไม่ขึ้น
- ปวดมากจนรบกวนการนอน
- ใช้ยาและกายภาพบำบัดแล้วยังไม่ดีขึ้น
อย่าปล่อยให้อาการเรื้อรังจนรักษายาก — ยิ่งตรวจเร็ว ยิ่งฟื้นตัวง่าย
อาการ ปวดสะโพกร้าวลงขา ไม่ได้หมายความว่าต้องผ่าตัดเสมอไป แต่เป็นสัญญาณที่ร่างกายต้องการให้เราหยุดและตรวจสอบต้นเหตุให้ชัดเจน เพราะบางครั้งการปรับพฤติกรรมและทำกายภาพบำบัดอย่างถูกวิธีก็สามารถช่วยให้อาการดีขึ้นได้มาก
ช่องทางติดต่อ
“คลินิกกระดูกและข้อ หมอสุทธิ์”
โทร : 061-010-6396
LINE : @drsuttclinic (อย่าลืมใส่ @)
Facebook : คลินิกกระดูกและข้อ หมอสุทธิ์

