ในยุคที่หลายคนทำงานหน้าคอมพิวเตอร์นาน ๆ หรือก้มดูมือถือบ่อย ๆ อาการปวดบ่า คอ ไหล่ กลายเป็นเรื่องที่พบได้บ่อย และมักถูกมองว่าเป็นแค่ความเมื่อยล้า แต่คุณรู้หรือไม่ว่า อาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของโรคกล้ามเนื้อเรื้อรัง เช่น Office Syndrome หรือแม้กระทั่งปัญหาเกี่ยวกับหมอนรองกระดูก
บทความนี้จัดทำโดยทีมแพทย์จากคลินิกเฉพาะทาง “หมอสุทธิ์” เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจสาเหตุ อาการ การรักษา และวิธีป้องกันอาการปวดบ่า คอ ไหล่อย่างถูกต้อง
สาเหตุและประเภทของอาการปวดบ่า คอ ไหล่
- การใช้งานกล้ามเนื้อซ้ำๆ
- นั่งทำงานหน้าคอมนาน ๆ โดยไม่มีการพักหรือเปลี่ยนอิริยาบถ
- ยกของหนัก หรือสะพายกระเป๋าหนักข้างเดียว
- การนอนผิดท่า เช่น นอนคว่ำ หรือนอนหมอนสูงเกินไป
- ความเครียดและความวิตกกังวล
- ความเครียดสามารถทำให้กล้ามเนื้อตึงตัวโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะบริเวณบ่าและคอ
- ภาวะหรือโรคทางกระดูกและข้อ
- หมอนรองกระดูกคอเสื่อม
- เส้นประสาทถูกกดทับ
- กล้ามเนื้อสะบักอักเสบเรื้อรัง
- อาการและสัญญาณเตือนที่คุณควรรู้
อาการที่ไม่ควรมองข้าม ได้แก่:
- ปวดตึงบริเวณต้นคอ บ่า หรือไหล่ โดยเฉพาะหลังตื่นนอนหรือหลังทำงานนาน
- ปวดร้าวจากต้นคอไปยังแขน หรือสะบัก
- ชาหรืออ่อนแรงบริเวณแขนหรือมือ
- หันคอแล้วรู้สึกติดหรือมีเสียงดังในข้อคอ
- ปวดศีรษะร่วมด้วย โดยเฉพาะบริเวณท้ายทอย
- หากมีอาการเหล่านี้เรื้อรังเกิน 1-2 สัปดาห์ ควรเข้ารับการตรวจวินิจฉัยทันที
การวินิจฉัยและการตรวจเบื้องต้น
- แพทย์เฉพาะทางจะทำการวินิจฉัยด้วยวิธี:
- ซักประวัติอาการโดยละเอียด
- ตรวจร่างกาย ตรวจการเคลื่อนไหวของคอและไหล่
- ตรวจระบบเส้นประสาทแขนและมือ
- การถ่ายภาพเอกซเรย์ (X-ray) หรือ MRI หากสงสัยว่ามีการกดทับเส้นประสาท
แนวทางการรักษา: ทางเลือกที่หลากหลายเพื่อสุขภาพที่ดี
การรักษาแบบไม่ผ่าตัด
- ใช้ยา: ยาคลายกล้ามเนื้อ ยาลดอักเสบ หรือยาแก้ปวด
- กายภาพบำบัด: เช่น การอัลตราซาวด์ การดึงคอ การใช้คลื่นไฟฟ้ากระตุ้น
- การปรับพฤติกรรม: ปรับท่าทางขณะทำงาน พักสายตาเป็นระยะ และเปลี่ยนเก้าอี้ให้รองรับสรีระ
- การบริหารกล้ามเนื้อ: ออกกำลังกายยืดเหยียดกล้ามเนื้อคอ บ่า ไหล่ อย่างสม่ำเสมอ
การรักษาแบบผ่าตัด (หากมีและจำเป็น)
- ใช้ในกรณีที่มีการกดทับเส้นประสาทรุนแรง หรือรักษาด้วยวิธีอื่นแล้วไม่ดีขึ้น เช่น การผ่าตัดหมอนรองกระดูกคอ
การดูแลตัวเองและการป้องกันในชีวิตประจำวัน
- จัดโต๊ะทำงานให้อยู่ในระดับสายตา
- ไม่ก้มดูมือถือเป็นเวลานาน
- เปลี่ยนอิริยาบถทุก 30-60 นาที
- บริหารกล้ามเนื้อด้วยท่าง่าย ๆ เช่น หมุนคอ เอียงคอ บีบไหล่
- นอนบนหมอนที่รองรับสรีระ ไม่สูงหรือต่ำเกินไป
- เมื่อไหร่ที่ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
- หากคุณมีอาการเหล่านี้ ควรรีบปรึกษาแพทย์:
- ปวดร้าวลงแขน ชา หรืออ่อนแรงบริเวณมือ
- ปวดเรื้อรังเกิน 2 สัปดาห์โดยไม่ดีขึ้น
- ปวดมากขึ้นเมื่อไอหรือจาม (อาจเป็นสัญญาณกดทับเส้นประสาท)
- มีประวัติการบาดเจ็บมาก่อน
อาการปวดบ่า คอ ไหล่ เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในคนยุคใหม่ โดยเฉพาะคนทำงานออฟฟิศ แม้อาการจะดูเล็กน้อย แต่หากละเลย อาจลุกลามจนกระทบการใช้ชีวิตประจำวันได้ การรู้เท่าทันอาการ สาเหตุ และวิธีการดูแลรักษา จะช่วยให้คุณป้องกันได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ
หากคุณหรือคนใกล้ชิดเริ่มมีอาการปวดบ่า คอ ไหล่ อย่าลังเลที่จะปรึกษาทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของคลินิกหมอสุทธิ์ เราพร้อมให้บริการด้วยเทคโนโลยีทันสมัย และแนวทางการรักษาที่ตรงจุด เพื่อให้คุณกลับมาใช้ชีวิตอย่างเต็มศักยภาพอีกครั้ง
ช่องทางติดต่อ
“คลินิกกระดูกและข้อ หมอสุทธิ์”
โทร : 061-010-6396
LINE : @drsuttclinic (อย่าลืมใส่ @)
Facebook : คลินิกกระดูกและข้อ หมอสุทธิ์