การเล่นกีฬาเป็นกิจกรรมที่ช่วยเสริมสร้างสุขภาพและความแข็งแรงของร่างกาย แต่ในอีกด้านหนึ่งก็มักมาพร้อมกับความเสี่ยงของการบาดเจ็บ โดยเฉพาะกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น และข้อต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการวิ่ง ฟุตบอล บาสเกตบอล หรือแม้แต่การออกกำลังกายในฟิตเนส หากเกิดการบาดเจ็บแล้วไม่ได้รับการดูแลรักษาที่ถูกวิธี อาจนำไปสู่การเจ็บป่วยเรื้อรังและกระทบต่อคุณภาพชีวิตได้
สาเหตุและประเภทของการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา
1. การบาดเจ็บแบบเฉียบพลัน (Acute Injuries)
- เกิดขึ้นทันทีขณะเล่นกีฬา เช่น
- ข้อเท้าแพลงจากการพลิกผิดท่า
- เอ็นเข่าฉีกขาดจากการกระโดดหรือเปลี่ยนท่าทางกะทันหัน
- กระดูกหักจากการล้ม หรือการกระแทก
2. การบาดเจ็บเรื้อรัง (Chronic Injuries)
- เกิดจากการใช้งานร่างกายซ้ำ ๆ ต่อเนื่องนาน ๆ เช่น
- เอ็นอักเสบจากการวิ่งระยะไกล
- ปวดหลังจากการเล่นกีฬาที่ใช้แรงบิดซ้ำ ๆ
- โรคข้อเสื่อมที่พบในนักกีฬาที่ใช้งานหนัก
อาการและสัญญาณเตือนที่คุณควรรู้
หากคุณมีอาการเหล่านี้ ควรให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เพราะอาจเป็นสัญญาณของการบาดเจ็บที่ไม่ควรมองข้าม
- ปวดบวม บริเวณข้อหรือกล้ามเนื้อ หลังจากออกกำลังกาย
- รู้สึกขัด หรือฝืดในข้อ เช่น ข้อเข่า ข้อไหล่
- มีเสียง “ก๊อบแก๊บ” หรือ “คลิก” ขณะเคลื่อนไหว
- เคลื่อนไหวข้อได้น้อยลงหรือเจ็บเมื่อขยับ
- ปวดเรื้อรังนานเกิน 1-2 สัปดาห์ แม้พักแล้วก็ไม่หาย
การวินิจฉัยและการตรวจเบื้องต้น
แพทย์จะประเมินจาก
- การซักประวัติ เช่น ลักษณะการเล่นกีฬา ประวัติการบาดเจ็บเก่า ๆ
- การตรวจร่างกายเฉพาะทาง เช่น การทดสอบความมั่นคงของข้อ
- การตรวจทางภาพวินิจฉัย เช่น เอกซเรย์ (X-ray), MRI, หรือ อัลตราซาวด์ เพื่อดูรายละเอียดของกระดูก ข้อ และกล้ามเนื้อ
แนวทางการรักษา: ทางเลือกที่หลากหลายเพื่อสุขภาพที่ดี
การรักษาแบบไม่ผ่าตัด
- พักและประคบ (RICE Method: Rest, Ice, Compression, Elevation) เพื่อบรรเทาอาการปวดและบวม
- การใช้ยา เช่น ยาลดการอักเสบ ยาคลายกล้ามเนื้อ ตามคำสั่งแพทย์
- กายภาพบำบัด ช่วยฟื้นฟูการเคลื่อนไหว เสริมสร้างกล้ามเนื้อรอบข้อ
- การปรับพฤติกรรม เช่น ลดการออกกำลังกายที่ใช้แรงกระแทกสูง หันมาใช้การว่ายน้ำหรือปั่นจักรยานแทน
การรักษาแบบผ่าตัด
ในบางกรณีที่บาดเจ็บรุนแรง เช่น
- เอ็นไขว้หน้าฉีกขาด (ACL Tear)
- หมอนรองกระดูกเข่าเสียหาย
- กระดูกหักรุนแรง
แพทย์อาจแนะนำการผ่าตัดร่วมกับการทำกายภาพบำบัดเพื่อให้กลับมาใช้งานได้ใกล้เคียงปกติที่สุด
การดูแลตัวเองและการป้องกันในชีวิตประจำวัน
เพื่อหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา ควรปฏิบัติดังนี้
- อบอุ่นร่างกาย (Warm-up) อย่างน้อย 5–10 นาทีก่อนเล่นกีฬา
- ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ (Stretching) หลังออกกำลังกายทุกครั้ง
- เลือกอุปกรณ์ที่เหมาะสม เช่น รองเท้าวิ่งที่รองรับแรงกระแทกได้ดี
- เพิ่มระดับความหนักของการออกกำลังกายอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่หักโหม
- พักผ่อนให้เพียงพอ และฟังสัญญาณจากร่างกาย หากเจ็บควรหยุดทันที
เมื่อไหร่ที่ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
- มีอาการปวดรุนแรงจนเดินหรือเคลื่อนไหวไม่ได้
- อาการบวม แดง หรือช้ำมากผิดปกติ
- ปวดต่อเนื่องเกิน 1-2 สัปดาห์ แม้พักแล้วไม่ดีขึ้น
- รู้สึกว่าข้อ “หลวม” หรือ “เคลื่อนไหวผิดปกติ”
- เคยบาดเจ็บซ้ำ ๆ บริเวณเดิมจนกระทบการใช้ชีวิตประจำวัน
อาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬาอาจเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย หากละเลยการดูแลรักษาอาจกลายเป็นปัญหาเรื้อรังและทำให้คุณสูญเสียโอกาสในการเล่นกีฬาที่คุณรักได้ การเข้าใจสาเหตุ อาการ สัญญาณเตือน และแนวทางการรักษาที่ถูกต้อง จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณกลับมามีคุณภาพชีวิตที่แข็งแรงและปลอดภัย
หากคุณหรือคนที่คุณรักกำลังเผชิญอาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา อย่าปล่อยให้ปัญหาลุกลาม มาปรึกษาทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคกระดูกและข้อที่ คลินิกหมอสุทธิ์ เพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่ตรงจุดและเหมาะสมกับคุณ นัดหมายวันนี้เพื่อกลับมาเคลื่อนไหวอย่างมั่นใจอีกครั้ง!
ช่องทางติดต่อ
“คลินิกกระดูกและข้อ หมอสุทธิ์”
โทร : 061-010-6396
LINE : @drsuttclinic (อย่าลืมใส่ @)
Facebook : คลินิกกระดูกและข้อ หมอสุทธิ์