fbpx

เจ็บที่เอ็นรอยหวายไม่หายสักที : สาเหตุ อาการ การรักษา และวิธีดูแลตัวเอง

“เจ็บเอ็นรอยหวาย” หรือที่คนทั่วไปเรียกว่า เอ็นร้อยหวายอักเสบ เป็นอาการที่พบได้บ่อยในคนที่ออกกำลังกาย เล่นกีฬา หรือแม้กระทั่งคนทั่วไปที่ใช้งานข้อเท้าอย่างหนัก หลายคนอาจคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย เดี๋ยวก็หายเอง แต่ความจริงคือ หากปล่อยทิ้งไว้ อาจกลายเป็นปัญหาเรื้อรังหรือถึงขั้นเอ็นขาดได้ บทความนี้จะพาคุณทำความเข้าใจตั้งแต่สาเหตุ อาการ สัญญาณเตือน ไปจนถึงวิธีรักษาและการดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี
 

สาเหตุและประเภทของอาการเจ็บเอ็นรอยหวาย

1. การใช้งานเอ็นร้อยหวายมากเกินไป
  • วิ่ง กระโดด หรือเล่นกีฬาที่มีการใช้แรงกระแทกซ้ำ ๆ เช่น ฟุตบอล บาสเกตบอล
  • ออกกำลังกายหนักโดยไม่ได้วอร์มอัพ
 
2. ปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ
  • ใส่รองเท้าที่ไม่เหมาะสมกับรูปเท้าหรือกิจกรรม
  • กล้ามเนื้อน่องตึง หรือมีความผิดปกติของรูปเท้า (เช่น เท้าแบน)
  • อายุที่มากขึ้น ทำให้เอ็นสูญเสียความยืดหยุ่น
  • โรคบางอย่าง เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ หรือการใช้ยาบางชนิดที่กระทบต่อเอ็น
 

อาการและสัญญาณเตือนที่คุณควรรู้

หากคุณมีอาการเหล่านี้ ควรระวังว่าอาจเป็นปัญหาเอ็นรอยหวายอักเสบหรือบาดเจ็บ
  • ปวดหรือเจ็บแถว ๆ ส้นเท้า ด้านหลังขา
  • เจ็บมากเวลาเดิน วิ่ง หรือกระโดด
  • มีอาการบวม ร้อน กดเจ็บตรงเอ็น
  • ข้อเท้าตึง ขยับลำบากโดยเฉพาะหลังตื่นนอน
  • มีเสียง “ป๊อก” และเจ็บรุนแรงทันที (อาจเป็นสัญญาณเอ็นร้อยหวายขาด)
 
การวินิจฉัยและการตรวจเบื้องต้น
 
แพทย์จะทำการซักประวัติ ตรวจร่างกาย และอาจใช้วิธีดังนี้
  • ตรวจร่างกาย: กดและขยับข้อเท้าเพื่อดูอาการเจ็บ
  • อัลตราซาวด์/ MRI: ตรวจดูสภาพเอ็นว่ามีการอักเสบหรือฉีกขาด
  • X-ray: เพื่อตรวจว่ามีภาวะกระดูกส้นเท้าเสื่อมหรือไม่
 
แนวทางการรักษา: ทางเลือกที่หลากหลายเพื่อสุขภาพที่ดี
การรักษาแบบไม่ผ่าตัด
  • พักการใช้งาน (Rest): ลดกิจกรรมที่ทำให้เจ็บ เช่น การวิ่งหรือกระโดด
  • ประคบเย็น (Ice): ช่วยลดบวมและอักเสบ
  • กายภาพบำบัด: ฝึกยืดเหยียดกล้ามเนื้อน่องและเอ็นร้อยหวาย
  • การใส่อุปกรณ์พยุง: เช่น แผ่นรองส้นเท้า (Heel pad)
  • ยาแก้อักเสบ: ใช้ตามแพทย์สั่งเพื่อลดอาการปวดและบวม
การรักษาแบบผ่าตัด
ใช้เมื่อการรักษาแบบอนุรักษ์ไม่ได้ผล หรือในกรณีที่ เอ็นรอยหวายขาด
  • ผ่าตัดซ่อมแซมหรือเย็บเอ็น
  • ฟื้นฟูด้วยกายภาพบำบัดหลังผ่าตัด
  • การดูแลตัวเองและการป้องกันในชีวิตประจำวัน
 
เพื่อป้องกันไม่ให้อาการเจ็บเอ็นรอยหวายกลับมาอีก ควรปฏิบัติดังนี้
  • วอร์มอัพและยืดกล้ามเนื้อก่อนและหลังออกกำลังกาย
  • เลือกรองเท้าที่พอดีกับเท้าและเหมาะกับกิจกรรม
  • หลีกเลี่ยงการเพิ่มความหนักของการออกกำลังกายอย่างกะทันหัน
  • รักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ เพื่อลดแรงกดที่ส้นเท้าและเอ็น
  • หากเริ่มมีอาการเจ็บเล็กน้อย ให้พักทันที อย่าฝืนเล่นต่อ
 

เมื่อไหร่ที่ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

คุณควรพบแพทย์ทันทีหากมีอาการเหล่านี้
  • เจ็บเอ็นรอยหวายเรื้อรังเกิน 1–2 สัปดาห์ ไม่ทุเลาลง
  • ปวดบวมจนเดินลำบาก
  • ได้ยินเสียง “ป๊อก” ร่วมกับเจ็บรุนแรงและเดินไม่ได้ (สงสัยเอ็นขาด)
  • อาการปวดซ้ำ ๆ แม้พักหรือปรับพฤติกรรมแล้ว
 
 
เจ็บที่เอ็นรอยหวายไม่หายสักที อาจไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย เพราะเป็นสัญญาณบาดเจ็บที่ต้องการการดูแลรักษาที่ถูกวิธี หากละเลยอาจกลายเป็นปัญหาเรื้อรังหรือถึงขั้นเอ็นขาดได้ การปรึกษาแพทย์ตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพและลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อน
 

ช่องทางติดต่อ
“คลินิกกระดูกและข้อ หมอสุทธิ์”

โทร : 061-010-6396
LINE : @drsuttclinic (อย่าลืมใส่ @)
Facebook : คลินิกกระดูกและข้อ หมอสุทธิ์

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *