fbpx

อาการชาที่ปลายประสาท ป้องกันได้

หลายคนคงเคยมีประสบการณ์ “อาการชาที่ปลายมือหรือปลายเท้า” บางครั้งเกิดเพียงชั่วคราวจากการนั่งทับหรือกดทับเส้นประสาท แต่หากเกิดบ่อย ๆ หรือเป็นเรื้อรัง อาจเป็นสัญญาณของความผิดปกติที่ซ่อนอยู่ เช่น โรคปลายประสาทอักเสบ เบาหวาน หมอนรองกระดูกทับเส้น หรือโรคเกี่ยวกับข้อและกระดูก ซึ่งหากละเลย อาจนำไปสู่ความพิการหรือคุณภาพชีวิตที่แย่ลงได้
 
บทความนี้ คลินิกเฉพาะทาง หมอสุทธิ์ จะพาคุณมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับ อาการชาที่ปลายประสาท ว่าสาเหตุคืออะไร มีสัญญาณเตือนแบบไหน ควรรักษาอย่างไร และเราจะป้องกันได้อย่างไร
 

สาเหตุและประเภทของอาการชา

1. การกดทับเส้นประสาท
  • เกิดจากท่านั่งหรือนอนผิดท่า
  • หมอนรองกระดูกเสื่อม กดทับเส้นประสาทไขสันหลัง
  • เส้นประสาทบริเวณข้อมือถูกกดทับ (Carpal Tunnel Syndrome)
 
2. โรคประจำตัวที่เกี่ยวข้อง
 
เบาหวาน: ทำให้เส้นประสาทเสื่อม เกิดอาการชาตามปลายมือเท้า (Diabetic Neuropathy)
 
โรคข้ออักเสบ/เก๊าท์: ข้ออักเสบเรื้อรังอาจกดทับเส้นประสาท
 
การขาดวิตามินบี 1, บี 6, บี 12 ที่จำเป็นต่อการทำงานของระบบประสาท
 

อาการและสัญญาณเตือนที่คุณควรรู้

หากคุณมีอาการเหล่านี้ ควรระมัดระวังและหาสาเหตุโดยเร็ว
  • ชาที่ ปลายมือหรือปลายเท้า เป็นประจำ
  • รู้สึกเหมือนมี “เข็มทิ่ม” หรือแสบร้อนใต้ผิวหนัง
  • กล้ามเนื้ออ่อนแรง หยิบของหล่นง่าย
  • เดินไม่มั่นคง รู้สึกเหมือนเท้าไม่มีแรง
 
ชาเฉพาะข้างเดียว ร่วมกับปวดหลังหรือคอ → อาจเป็นสัญญาณ หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท
 
อาการชาร่วมกับปวดข้อหรืออักเสบ → อาจสัมพันธ์กับ โรคเก๊าท์หรือข้ออักเสบ
 
 

การวินิจฉัยและการตรวจเบื้องต้น

แพทย์จะทำการซักประวัติ ตรวจร่างกาย และอาจแนะนำการตรวจเพิ่มเติม เช่น
  • การตรวจเลือด (เช่น น้ำตาลในเลือด, วิตามิน, การทำงานของไตและตับ)
  • การตรวจเส้นประสาทและกล้ามเนื้อ (Nerve Conduction Study, EMG)
  • การตรวจภาพถ่าย เช่น MRI หรือเอกซเรย์ เพื่อดูว่ามีหมอนรองกระดูกกดทับหรือไม่
 

แนวทางการรักษา: ทางเลือกที่หลากหลายเพื่อสุขภาพที่ดี

การรักษาแบบไม่ผ่าตัด
  • การใช้ยาเพื่อลดอักเสบและบรรเทาอาการชา
  • การเสริมวิตามินบี (B1, B6, B12) ในกรณีขาด
  • กายภาพบำบัด เช่น การยืดเหยียด ฝึกท่าทาง และการใช้เครื่องมือกระตุ้นไฟฟ้า
  • การปรับพฤติกรรม เช่น เลี่ยงท่าที่กดทับเส้นประสาท นั่ง เดิน ยกของให้ถูกหลัก
 
 

การรักษาแบบผ่าตัด

พิจารณาเฉพาะกรณีที่มีการกดทับเส้นประสาทอย่างรุนแรง เช่น หมอนรองกระดูกกดทับเส้น หรือ Carpal Tunnel Syndrome ระยะรุนแรง
 
 

การดูแลตัวเองและการป้องกันในชีวิตประจำวัน

เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงอาการชาที่ปลายประสาท ควรปฏิบัติดังนี้
  • ควบคุมน้ำตาลในเลือด หากเป็นโรคเบาหวาน
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเลือด
  • เลี่ยงท่านั่งหรือท่านอนที่กดทับเส้นประสาทนาน ๆ
  • รับประทานอาหารที่มีวิตามินบีสูง เช่น ธัญพืชไม่ขัดสี ไข่ เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
  • ตรวจสุขภาพประจำปี เพื่อคัดกรองโรคแอบแฝง เช่น เบาหวาน ไขมันสูง หรือโรคข้อ
 

เมื่อไหร่ที่ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ควรรีบมาพบแพทย์ หากมีอาการดังนี้:
  • อาการชาต่อเนื่องเกิน 2 สัปดาห์
  • อาการชาร่วมกับ อ่อนแรง หรือสูญเสียการควบคุมการขับถ่าย
  • มีอาการปวดหลัง ปวดคอ ร่วมกับชาที่ลงไปแขนหรือขา
  • ชาเฉพาะด้านเดียวของร่างกาย ร่วมกับปากเบี้ยว พูดไม่ชัด → อาจเป็น โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke)
 
 
อาการชาที่ปลายประสาท อาจไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเสมอไป บางครั้งเป็นเพียงการกดทับชั่วคราว แต่หากเกิดบ่อยครั้งหรือเรื้อรัง อาจบ่งบอกถึงโรคที่สำคัญ เช่น เบาหวาน หมอนรองกระดูกทับเส้น หรือโรคข้อและกระดูก การสังเกตสัญญาณเตือนตั้งแต่ระยะแรก และการพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยอย่างถูกต้อง จะช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนรุนแรงในอนาคต
 

ช่องทางติดต่อ
“คลินิกกระดูกและข้อ หมอสุทธิ์”

โทร : 061-010-6396
LINE : @drsuttclinic (อย่าลืมใส่ @)
Facebook : คลินิกกระดูกและข้อ หมอสุทธิ์

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *