เอาการปวดตึงหรือเจ็บบริเวณข้อมือฝั่งนิ้วหัวแม่มือเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในกลุ่มคนทำงานที่ใช้มือซ้ำๆ เช่น พิมพ์งาน ยกของ เล่นมือถือ หรือแม่บ้านที่ใช้งานข้อมืออย่างต่อเนื่อง แม้อาการนี้จะดูไม่รุนแรงในช่วงแรก แต่อาจบ่งชี้ถึงโรคหรือภาวะที่ควรได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันการลุกลามหรือเรื้อรังในอนาคต
บทความนี้คลินิกหมอสุทธิ์จะพาคุณไปรู้จักสาเหตุ อาการ การวินิจฉัย และแนวทางการรักษาอาการปวดข้อมือฝั่งนิ้วหัวแม่มือแบบละเอียด พร้อมคำแนะนำในการดูแลตัวเองและการป้องกันที่คุณสามารถเริ่มได้ตั้งแต่วันนี้
สาเหตุของอาการปวดตึงข้อมือฝั่งนิ้วหัวแม่มือ
1. เอ็นอักเสบที่ปลอกหุ้มเส้นเอ็นนิ้วหัวแม่มือ (De Quervain’s Tenosynovitis)
ภาวะนี้มักเกิดจากการใช้งานข้อมือและนิ้วหัวแม่มือซ้ำๆ เป็นเวลานาน จนปลอกหุ้มเส้นเอ็นเกิดการอักเสบ ทำให้เคลื่อนไหวนิ้วหัวแม่มือแล้วรู้สึกเจ็บร้าว
2. กล้ามเนื้อตึงหรือกล้ามเนื้ออักเสบจากการใช้งาน
การออกแรงใช้มือมากเกินไป เช่น การจับเครื่องมือหนัก ยกของ หรือใช้เมาส์คอมพิวเตอร์ต่อเนื่อง อาจทำให้กล้ามเนื้อรอบข้อมืออักเสบได้
3. โรคข้อเสื่อมหรือข้ออักเสบ
ในผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีประวัติโรคข้ออักเสบ อาการปวดอาจเกิดจากการเสื่อมหรืออักเสบของข้อต่อบริเวณโคนของนิ้วหัวแม่มือ
4. การบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ
การล้มและใช้มือยันพื้น หรือการกระแทกอย่างรุนแรง อาจทำให้เอ็นหรือกระดูกในบริเวณนั้นบาดเจ็บ
อาการและสัญญาณเตือนที่ควรใส่ใจ
- ปวดแปลบหรือปวดตึงบริเวณข้อมือฝั่งนิ้วหัวแม่มือ โดยเฉพาะเวลาขยับนิ้ว
- รู้สึกตึงหรือเจ็บเมื่อจับของ ยกของ หรือบิดฝาขวด
- บางรายอาจมีอาการบวมร่วมด้วย หรือกดเจ็บเฉพาะจุด
- ขยับข้อมือหรือหมุนนิ้วหัวแม่มือแล้วมีเสียงหรือรู้สึกฝืด
- อาการปวดเป็นๆ หายๆ หรือเรื้อรังนานเกิน 2 สัปดาห์
- หากมีอาการเหล่านี้ควรพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยที่ชัดเจน
การวินิจฉัยและการตรวจเบื้องต้น
แพทย์จะเริ่มจากซักประวัติการใช้งานข้อมือ ตรวจร่างกาย และทดสอบการเคลื่อนไหวของข้อมือและนิ้วหัวแม่มือ เช่น การทดสอบ Finkelstein’s Test เพื่อดูว่าอาการเจ็บเกิดจาก De Quervain’s หรือไม่
ในบางกรณีอาจมีการส่งตรวจเพิ่มเติม เช่น:
- X-ray: เพื่อตรวจดูว่ามีกระดูกหักหรือข้อเสื่อมหรือไม่
- Ultrasound หรือ MRI: กรณีที่แพทย์สงสัยว่ามีการอักเสบของเอ็นหรือต้องการภาพรายละเอียดเพิ่มเติม
แนวทางการรักษา: ทางเลือกที่หลากหลายเพื่อสุขภาพที่ดี
การรักษาแบบไม่ผ่าตัด
- พักการใช้งานข้อมือ: หลีกเลี่ยงการใช้งานหนักและพักกล้ามเนื้อให้หายอักเสบ
- ประคบเย็น: ลดการอักเสบในช่วงแรกของอาการ
- ใส่อุปกรณ์พยุงข้อมือ (Thumb Spica Splint): เพื่อจำกัดการเคลื่อนไหวและลดการใช้งานเกิน
- ใช้ยาแก้อักเสบ (NSAIDs): ช่วยลดอาการปวดและอักเสบ
- กายภาพบำบัด: เช่น การยืดกล้ามเนื้อ ท่าออกกำลังกายฟื้นฟู หรืออัลตราซาวด์บำบัด
การรักษาแบบผ่าตัด
หากอาการไม่ดีขึ้นแม้จะรักษาด้วยวิธีข้างต้น หรือมีอาการเรื้อรังรุนแรง แพทย์อาจพิจารณาผ่าตัดปลอกเอ็นเพื่อบรรเทาอาการ ซึ่งเป็นการผ่าตัดเล็ก ใช้เวลาไม่นานและฟื้นตัวได้ดี
การดูแลตัวเองและการป้องกันในชีวิตประจำวัน
- หลีกเลี่ยงการใช้งานมือซ้ำๆ โดยไม่พัก
- จัดสรีระขณะทำงานให้เหมาะสม เช่น การวางมือบนโต๊ะให้ระดับพอดี
- ยืดเหยียดข้อมือและนิ้วหัวแม่มือเป็นประจำ
- สลับมือใช้งานหากต้องใช้ซ้ำๆ
- ออกกำลังกายกล้ามเนื้อแขนและมือให้แข็งแรง
- เมื่อไหร่ที่ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
หากคุณมีอาการดังต่อไปนี้ ควรรีบปรึกษาแพทย์:
- ปวดรุนแรงหรือเรื้อรังมากกว่า 2-3 สัปดาห์
- อาการไม่ดีขึ้นแม้จะพักหรือนวดเอง
- มีอาการบวม แดง ร้อน หรือกดเจ็บเฉพาะจุด
- เคลื่อนไหวนิ้วหัวแม่มือไม่ได้หรือมีเสียงดังผิดปกติขณะขยับ
อาการปวดตึงบริเวณข้อมือฝั่งนิ้วหัวแม่มืออาจดูเป็นเรื่องเล็ก แต่หากปล่อยไว้นานโดยไม่รักษา อาจลุกลามและส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมาก การสังเกตอาการเบื้องต้นและได้รับการวินิจฉัยอย่างถูกต้องจากแพทย์เฉพาะทางจะช่วยให้การรักษาได้ผลดีและฟื้นตัวเร็วขึ้น
ช่องทางติดต่อ
“คลินิกกระดูกและข้อ หมอสุทธิ์”
โทร : 061-010-6396
LINE : @drsuttclinic (อย่าลืมใส่ @)
Facebook : คลินิกกระดูกและข้อ หมอสุทธิ์