นิ้วล็อก ปัญหาเล็กที่อาจกระทบชีวิตประจำวัน
“นิ้วล็อก” หรือ Trigger Finger เป็นภาวะที่เส้นเอ็นบริเวณนิ้วมือเกิดการอักเสบและหนาตัว ทำให้เอ็นเคลื่อนไหวผ่านปลอกเอ็นได้ยาก เมื่อพยายามงอหรือตรงนิ้ว จึงเกิดเสียง “สะดุด” หรือ “ล็อก” จนบางคนต้องใช้อีกมือช่วยง้างนิ้วให้ตรง
ภาวะนี้พบได้บ่อยในคนทำงานใช้มือซ้ำ ๆ เช่น จับเมาส์ พิมพ์คีย์บอร์ด ยกของ หรือแม้แต่แม่บ้านที่ทำงานบ้านบ่อย ๆ จนเกิดการอักเสบเรื้อรัง
เมื่อการรักษาด้วยยาและกายภาพบำบัดไม่ดีขึ้น หลายคนจึงเลือกใช้วิธี “สะกิดนิ้วล็อก” เพราะเป็นหัตถการขนาดเล็ก เจ็บน้อย ฟื้นตัวไว แต่หลายคนก็ยังสงสัยว่า…
👉 “สะกิดนิ้วล็อก หายขาดจริงไหม?”
สาเหตุของนิ้วล็อก และระดับความรุนแรงของอาการ
เส้นเอ็นอักเสบและการเสียดสีในปลอกเอ็น
ภาวะนิ้วล็อกเกิดจากการอักเสบของเส้นเอ็นบริเวณโคนนิ้ว ทำให้เกิด “ปุ่มนูน” หรือก้อนเล็ก ๆ ที่ขัดกับปลอกเอ็นซึ่งหุ้มอยู่รอบ ๆ เมื่องอหรือเหยียดนิ้ว เส้นเอ็นจะติดขัดและเกิดเสียงสะดุด
ระดับของอาการนิ้วล็อก
แพทย์มักแบ่งความรุนแรงของนิ้วล็อกออกเป็น 4 ระดับ ได้แก่
ระยะที่ 1: เริ่มมีอาการปวดตึงโคนนิ้ว โดยเฉพาะเวลาขยับ
ระยะที่ 2: มีอาการสะดุดเวลางอนิ้ว แต่ยังสามารถเหยียดกลับได้เอง
ระยะที่ 3: งอนิ้วแล้วล็อก ต้องใช้อีกมือช่วยง้าง
ระยะที่ 4: นิ้วค้าง ไม่สามารถเหยียดหรืองอได้
หากปล่อยให้เป็นเรื้อรัง อาจทำให้เส้นเอ็นหนาตัวจนการรักษาซับซ้อนขึ้น
อาการและสัญญาณเตือนที่ควรรู้
หากมีอาการต่อไปนี้ ควรรีบพบแพทย์เพื่อประเมินก่อนอาการจะรุนแรง
- ปวดหรือตึงบริเวณโคนนิ้ว โดยเฉพาะตอนเช้าหรือตอนขยับนิ้ว
- ได้ยินเสียง “คลิก” หรือ “สะดุด” เมื่อขยับนิ้ว
- นิ้วงอแล้วเหยียดไม่ออก ต้องใช้อีกมือช่วย
- มีปุ่มนูนหรือบวมที่โคนนิ้ว
- นิ้วค้างหรือขยับไม่ได้เลย
การวินิจฉัยและการตรวจเบื้องต้น
แพทย์สามารถวินิจฉัยนิ้วล็อกได้จาก การตรวจร่างกาย โดยสังเกตการขยับนิ้วและคลำหาปุ่มนูนที่โคนนิ้ว
ในบางกรณีอาจใช้ อัลตราซาวด์ (Ultrasound) เพื่อดูความหนาของเส้นเอ็นและปลอกเอ็น เพื่อวางแผนการรักษาให้เหมาะสม
การรักษานิ้วล็อก: ตั้งแต่เบื้องต้นจนถึงขั้นสะกิด
การรักษาแบบไม่ผ่าตัด
- เหมาะสำหรับผู้ที่อยู่ในระยะเริ่มต้น
- พักการใช้งานมือ: ลดการขยับนิ้วซ้ำ ๆ
- ประคบอุ่น: ช่วยลดการอักเสบและบรรเทาอาการปวด
- ใส่เฝือกพยุงนิ้ว (Finger Splint): เพื่อลดแรงเสียดสีของเส้นเอ็น
- กายภาพบำบัด: เช่น การยืดเหยียดกล้ามเนื้อและเส้นเอ็น
- ฉีดยาสเตียรอยด์เฉพาะที่: ลดอาการอักเสบได้ดี โดยเฉพาะในระยะต้น
การสะกิดนิ้วล็อก (Percutaneous Release)
เป็นหัตถการขนาดเล็กที่นิยมในปัจจุบัน เพราะ
- ใช้เข็มปลายแหลมพิเศษสะกิดผ่านผิวหนัง เพื่อเปิดปลอกเอ็นที่รัดเส้นเอ็นอยู่
- ใช้ยาชาเฉพาะที่ ใช้เวลาเพียง 10–15 นาที
- แผลเล็ก ไม่ต้องเย็บ ฟื้นตัวได้ภายในไม่กี่วัน
- สามารถขยับนิ้วได้ทันทีหลังทำ
แต่การสะกิดนิ้วล็อก ควรทำโดยแพทย์เฉพาะทางด้านกระดูกและมือ เพื่อป้องกันการบาดเจ็บของเส้นประสาทหรือเส้นเอ็นข้างเคียง
สะกิดนิ้วล็อก หายขาดจริงไหม?
คำตอบคือ “หายได้” แต่ ไม่ใช่ทุกกรณีจะหายขาดถาวร ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น
- ระดับความรุนแรงของโรคก่อนทำหัตถการ
- ประสบการณ์ของแพทย์ผู้ทำสะกิด
- การดูแลหลังทำ เช่น หลีกเลี่ยงการใช้งานมือหนักซ้ำ ๆ
- ภาวะโรคร่วม เช่น เบาหวาน ที่อาจทำให้เกิดการอักเสบซ้ำได้ง่าย
ในผู้ป่วยส่วนใหญ่กว่า 90% อาการดีขึ้นอย่างชัดเจนหลังสะกิด และสามารถกลับไปใช้งานมือได้ตามปกติ แต่ยังมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้ โดยเฉพาะหากยังมีพฤติกรรมใช้นิ้วซ้ำ ๆ หรือไม่ได้ปรับท่าทางการใช้งาน
การดูแลตัวเองหลังสะกิดนิ้วล็อก
เพื่อให้ผลการรักษาดีที่สุดและลดโอกาสเกิดซ้ำ ควรปฏิบัติดังนี้
- ขยับนิ้วเบา ๆ หลังทำ เพื่อป้องกันการยึดติดของเส้นเอ็น
- หลีกเลี่ยงการบีบของแข็งหรือยกของหนักในช่วง 1–2 สัปดาห์แรก
- ประคบอุ่นวันละ 1–2 ครั้ง ช่วยให้เลือดไหลเวียนดี
- หากมีอาการบวม แดง หรือปวดมากผิดปกติ ควรกลับมาพบแพทย์ทันที
- ปรับพฤติกรรมการใช้งานมือ เช่น พักมือบ่อย ๆ เมื่อทำงานหน้าคอมพิวเตอร์หรือใช้โทรศัพท์
เมื่อไหร่ที่ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
- เมื่อนิ้วเริ่มมีอาการสะดุดหรือติดเวลาขยับ
- เมื่ออาการไม่ดีขึ้นหลังรักษาด้วยตนเองเกิน 2 สัปดาห์
- เมื่อนิ้วค้างจนไม่สามารถเหยียดได้
- หรือเคยสะกิดแล้วอาการกลับมาอีก
การพบแพทย์เฉพาะทางด้านกระดูกและมือจะช่วยให้ได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง ปลอดภัย และลดโอกาสเกิดซ้ำในอนาคต
สะกิดนิ้วล็อกช่วยให้ชีวิตกลับมาใช้งานมือได้คล่องอีกครั้ง
การสะกิดนิ้วล็อกเป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพสูง เหมาะกับผู้ที่มีอาการระดับปานกลางถึงรุนแรง และไม่ต้องการผ่าตัดใหญ่ หากทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ พร้อมการดูแลหลังทำอย่างเหมาะสม โอกาสหายขาดก็มีสูง
อย่าปล่อยให้นิ้วล็อกเรื้อรังจนกระทบการใช้ชีวิต เพราะการรักษาตั้งแต่ระยะแรกจะช่วยให้ผลลัพธ์ดีกว่าเสมอ
หากคุณเริ่มมีอาการนิ้วติด สะดุด หรือเจ็บเวลาขยับนิ้ว
👉 อย่ารอให้อาการหนัก!
ปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านกระดูกและข้อที่ คลินิกหมอสุทธิ์ เพื่อรับการประเมินและรักษาด้วยเทคนิคที่เหมาะสม ปลอดภัย และได้ผลจริง
นัดหมายวันนี้ เพื่อกลับมาใช้นิ้วได้คล่องอีกครั้ง!
ช่องทางติดต่อ
“คลินิกกระดูกและข้อ หมอสุทธิ์”
โทร : 061-010-6396
LINE : @drsuttclinic (อย่าลืมใส่ @)
Facebook : คลินิกกระดูกและข้อ หมอสุทธิ์