fbpx

เมื่ออายุเยอะขึ้น กระดูกเสื่อมลงจริงไหม? รู้ทันสัญญาณเตือนก่อนข้อพังโดยไม่รู้ตัว

หลายคนเริ่มรู้สึกว่า ปวดข้อ ปวดเข่า ข้อฝืดตึง ลุกเดินไม่คล่องเหมือนเดิม เมื่ออายุมากขึ้น และมักคิดว่าเป็นเรื่องปกติของวัยที่ “หลีกเลี่ยงไม่ได้” จึงปล่อยให้ทนไปเรื่อย ๆ โดยไม่เข้ารับการตรวจ
 
แต่ในความเป็นจริง กระดูกและข้อที่เสื่อมตามอายุ ไม่ได้เกิดขึ้นแบบกะทันหัน หากเป็นกระบวนการที่ค่อย ๆ เปลี่ยนแปลง และสามารถชะลอหรือดูแลได้ หากรู้เท่าทันตั้งแต่ระยะเริ่มต้น บทความนี้จะพาคุณเข้าใจว่า ทำไมอายุที่เพิ่มขึ้นจึงทำให้กระดูกเสื่อม อาการแบบไหนคือสัญญาณเตือน และควรดูแลรักษาอย่างไรเพื่อคงคุณภาพชีวิตที่ดี
 

สาเหตุและการเปลี่ยนแปลงของกระดูกเมื่ออายุเพิ่มขึ้น

การเสื่อมตามธรรมชาติของร่างกาย
 
เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายจะเกิดการเปลี่ยนแปลงหลายด้าน ได้แก่

 

  • มวลกระดูกลดลง
  • กระดูกอ่อนบางและสึกกร่อน
  • น้ำไขข้อผลิตได้น้อยลง
  • กล้ามเนื้อและเอ็นรอบข้ออ่อนแรงลง
  • การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ทำให้ ข้อรับแรงกระแทกได้น้อยลง และเกิดอาการปวดหรือฝืดได้ง่าย
 

ปัจจัยเสริมที่ทำให้กระดูกเสื่อมเร็วขึ้น

  • การใช้งานข้อหนักเป็นเวลานาน
  • น้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน
  • ขาดการออกกำลังกาย
  • กล้ามเนื้อรอบข้อไม่แข็งแรง
  • ประวัติบาดเจ็บหรือผ่าตัดข้อ
  • โรคประจำตัว เช่น เก๊าท์ ข้ออักเสบ
  • โรคกระดูกและข้อที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ
  • โรคข้อเข่าเสื่อม (Osteoarthritis)  เป็นโรคข้อที่พบมากที่สุด
  • กระดูกอ่อนผิวข้อสึก ข้อฝืดตึง โดยเฉพาะตอนเช้าหรือนั่งนาน ปวดมากขึ้นเมื่อเดินหรือขึ้นลงบันได
  • กระดูกพรุน
  • กระดูกบาง เปราะ แตกง่าย
  • อาจไม่แสดงอาการจนกระดูกหัก
  • พบบ่อยในผู้สูงอายุ โดยเฉพาะผู้หญิงหลังวัยหมดประจำเดือน
  • โรคข้ออักเสบและเก๊าท์ในวัยสูงอายุ
  • ข้อบวม แดง ร้อน ปวด
  • อาการกำเริบเป็นช่วง ๆ
  • หากควบคุมไม่ดี อาจเร่งให้ข้อเสื่อมเร็วขึ้น
 

อาการและสัญญาณเตือนที่คุณไม่ควรมองข้าม

อาการเหล่านี้อาจบ่งบอกว่ากระดูกและข้อกำลังเสื่อมมากขึ้น
  • ปวดข้อเรื้อรัง โดยเฉพาะเข่า สะโพก หลัง
  • ข้อฝืดตึงในตอนเช้า หรือหลังนั่งนาน
  • งอหรือเหยียดข้อได้ไม่สุด
  • มีเสียงดังกรอบแกรบในข้อ
  • ข้อบวม หรือผิดรูป
  • ปวดจนรบกวนการเดิน การนั่ง หรือการนอน
  • หกล้มง่าย หรือรู้สึกข้อไม่มั่นคง
หากมีอาการเหล่านี้ต่อเนื่อง ไม่ควรคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดาของวัย
 

การวินิจฉัยและการตรวจเบื้องต้น

แพทย์เฉพาะทางด้านกระดูกและข้อจะช่วยประเมินอย่างเป็นระบบ ได้แก่
 
  • ซักประวัติอาการและการใช้งานข้อ
  • ตรวจการเคลื่อนไหว ความแข็งแรง และความมั่นคงของข้อ
  • เอกซเรย์ เพื่อตรวจดูการเสื่อมของข้อ
  • ตรวจความหนาแน่นของมวลกระดูก (ในรายสงสัยกระดูกพรุน)
  • MRI ในกรณีที่ต้องดูเอ็นหรือกระดูกอ่อนอย่างละเอียด
  • การตรวจที่เหมาะสมช่วยให้วางแผนการรักษาได้ตรงจุด
 

แนวทางการรักษา: ทางเลือกเพื่อชะลอความเสื่อมของกระดูก

การรักษาแบบไม่ผ่าตัด (แนวทางหลัก)

  • ยาแก้ปวดและลดการอักเสบ ตามคำแนะนำแพทย์
  • กายภาพบำบัด เพื่อเสริมกล้ามเนื้อรอบข้อ
  • การออกกำลังกายที่เหมาะสมกับวัย
  • ควบคุมน้ำหนัก ลดภาระของข้อ
  • ปรับท่าทางการใช้ชีวิตประจำวัน
  • ฉีดยาในข้อ (เฉพาะรายที่จำเป็น)

การรักษาแบบผ่าตัด (เมื่อจำเป็น)

  • ใช้ในผู้ที่ข้อเสื่อมรุนแรง
  • มีข้อจำกัดในการใช้ชีวิต
  • การรักษาอื่นไม่ได้ผลเช่น การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม
 

การดูแลตัวเองและการป้องกันในชีวิตประจำวัน

  • การดูแลตั้งแต่วันนี้ช่วยชะลอความเสื่อมของกระดูกได้
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เช่น เดิน ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน
  • เสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อรอบข้อ
  • หลีกเลี่ยงการนั่งพับเข่า นั่งยองเป็นเวลานาน
  • รับประทานอาหารที่มีแคลเซียมและโปรตีนเหมาะสม
  • ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์
  • พักผ่อนให้เพียงพอ
  • ตรวจสุขภาพข้อเป็นระยะ โดยเฉพาะเมื่อมีอาการผิดปกติ
 

เมื่อไหร่ที่ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

  • ปวดข้อหรือข้อฝืดตึงนานเกิน 2–4 สัปดาห์
  • อาการปวดรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
  • เดินลำบาก ลุกนั่งไม่สะดวก
  • มีประวัติโรคข้อเข่าเสื่อม หรือโรคเก๊าท์
  • อาการรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน
 
 
แม้ว่า อายุที่เพิ่มขึ้นจะทำให้กระดูกและข้อเสื่อมลงได้จริง แต่ไม่ใช่สิ่งที่ต้องยอมรับโดยไม่มีทางเลือก การรู้เท่าทันสัญญาณเตือน ดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี และเข้ารับการตรวจจากแพทย์เฉพาะทางตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยชะลอความเสื่อม ลดอาการปวด และรักษาคุณภาพชีวิตให้ดีได้ในระยะยาว

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *