เก๊าท์ คืออะไร
โรคทางกระดูกในปัจจุบันนี้มีมากมายหลายโรค เพราะคนไทยบางส่วนยังไม่ได้สนใจที่จะรักษาสุขภาพของตัวเองนัก อาจจะเพราะไม่มีเวลา หรืออาจจะเพราะความเคยชินบางอย่าง ทำให้ไม่ได้สนใจ หรือใส่ใจที่จะเริ่มดูแลตัวเองเท่าไหร่นัก จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้คนไทย ไม่ว่าจะวัยไหน เริ่มที่จะมีปัญหาเกี่ยวกับกระดูกกันแล้ว แม้แต่วัยรุ่นเองก็เริ่มที่จะมีอาการปวดหลังหรืออาการต่าง ๆ
โดยในวันนี้ เราจะขอนำเสนอ โรคที่หลาย ๆคนน่าจะเคยได้ยินชื่อ แต่ไม่ได้สนใจ ไม่ได้ใส่ใจมันซักเท่าไหร่ โดยโรคนี้เป็นโรคยอดฮิตของคนไทยหลาย ๆ คน โรคเก๊าท์
โรคเก๊าท์ คืออะไร
โรคเก๊าท์ คือโรคทางกระดูกชนิดหนึ่ง เป็นโรคข้ออักเสบ ที่มีสาเหตุจาก ร่างกายของผู้ป่วยมีกรดยูริกสูงผิดปกติในเลือด ซึ่งสะสมมาเป็นระยะเวลานาน จนตัวกรดยูริกที่สะสมมานานนั้น ตกตระกอน ตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณข้อพับต่าง ๆ ในร่างกาย ซึ่งอาจจะใช้เวลานานมากกว่า 10 ปี จนกว่าจะรู้สึกปวดตามข้อ เมื่อรู้สึกปวกตามข้อแล้ว แปลว่าร่างกายเริ่มเข้าข่ายอาการของโรคเก๊าท์ โดยอาการข้ออักเสบจะตามมาในอีกไม่นาน นอกจากนั้นกรดยูริกยังมีผลอีกมากมายต่อร่างกาย เมื่อกรดยูริกสะสมตามผิวหนัง จะเกิดอาการทำให้มีปุ่มนูนขึ้นตามผิวหนังอย่างเห็นได้ชัด หรือถ้ากดรยูริกเกิดไปตกตะกอนบริเวณไต อาจจะเกิดนิ่วในไต และไตเสื่อม ซึ่งถือเป็นโรคร้ายแรง อาจส่งผลร้ายแรงถึงชีวิตได้
กรดยูริก คืออะไร
เมื่อรู้ถึงโรคเก๊าท์แล้ว ทีนี้เรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับกรดยูริก เพื่อป้องกันตัวเองให้ได้มากขึ้น กรดยูริก คือสารชนิดหนึ่งที่อยู่ในร่างกายของเรา 80 เปอร์เซ็นต์เกิดจากร่างกายผลิตขึ้น และ 20 เปอร์เซ็นต์นั้นเกิดจากการทานอาหารของเรา ซึ่งอาหารที่มีสารพิวรีนสูงจะทำให้ร่างกายได้รับกรดยูริกในปริมาณที่มากเกินไป โดยสารพิวรีนนี้จะพบได้ในสัตว์ปีก พืชผักบางชนิด รวมถึงเครื่องในสัตว์ แม้ว่าปกติร่างกายจะสามารถขับออกเองได้ทางปัสสาวะ แต่ก็มีบางคนที่ร่างกายไม่สามารถขับออกมาได้เองตามธรรมชาติ ทำให้มีกรดยูริกสะสมอยู่ตามร่างกาย โดยเฉพาะข้อและกระดูก รวมไปถึงผนังหลอดเลือกและไต เป็นสาเหตุสำคัญของโรคเก๊าท์
อาการสำคัญของโรคเก๊าท์
หากคุณกำลังสงสัยว่าตัวเองเป็นโรคเก๊าท์หรือไม่ ลองอ่านอาการเหล่านี้ เพราะอาการเหล่านี้ ส่วนใหญ่แล้วจะเกิดขึ้นในระยะแรก เป็นระยะที่ยังสามารถรักษาให้หายได้ และยังสามารถที่จะป้องกันให้อาการทุเลาลงได้ หากผ่านไปประมาณ 4-5 วันแล้ว อาการอาจจะรุนแรงกว่าเดิม และการรักษาอาจจะยากขึ้น อาการปวด อาการเจ็บ ก็อาจจะมากขึ้นอีกด้วย ทำให้โรคนี้อาจจะรุนแรงมากกว่าเดิม ดังนั้นลองอ่านอาการเหล่านี้ เพราะอาจจะเป็นอาการของคุณ
ในระยะเริ่มแรกของโรค ผู้ป่วยจะมีอาการปวดร้อนเฉียบพลันอย่างรุนแรงใน 24 ชั่วโมงแรกจะมีอาการปวดมากที่สุด ซึ่งอาการนี้จะไม่มีสัญญาณหรืออาการเตือนล่วงหน้า จะปวดขึ้นมาทันที โดยส่วนที่ปวดส่วนใหญ่จะเป็นบริเวณนิ้วโป้งเท้าและข้อเท้า เข่า เมื่อผ่านไปประมาณ 24 ชั่วโมงอาการปวดจะหายไปเอง ซึ่งจะหายสนิทภายใน 5-7 วัน
แม้ว่าในระยะนี้จะมีอาการปวดเพียงแค่บริเวณเดียวซึ่งก็คือบริเวณข้อต่าง ๆ แต่หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง โรคจะลามไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย จนทำให้อาการบวมขึ้น และปวดรุนแรงมากขึ้น
สาเหตุและปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคเก๊าท์
อย่างที่บอกไปในข้างต้น ว่าโรคนี้เกิดจากร่างกายมีกรดยูริกสูงเกินความจำเป็นโดยระยะเวลานาน ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่รู้ตัว นอกจากนี้อาจจะเกิดจากกรรมพันธ์ หรือมีพฤติกรรมการกินอาหารที่ก่อให้เกิดการอุดตันของสารพิวรีน เช่น สัตว์ปีก แอลกอฮอล์ นอกจากนี้คนที่เป็นโรคอ้วน หรือมีภาวะน้ำหนักเกินเกณฑ์ก็มีความเสี่ยงในการเป็นโรคนี้ได้
วิธีการรักษาโรคเก๊าท์
ในการรักษาโรคนี้ ไม่ได้ยากหรือรุนแรงอย่างที่คิด เพราะวิธีการรักษาก็เพียงแค่ทานยา และดูแลตัวเอง และป้องกันไม่ให้เกิดอาการซ้ำอีก โดยวิธีการป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำอีกก็คืองดเว้นการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หยุดทานอาหารที่มีกรดพิวรีน ดื่มน้ำเยอะ ๆ เพื่อขับปัสสาวะบ่อย ๆ เพื่อที่จะได้ขับกรดยูริกออกจากร่างกายเยอะ ๆ นอกจากนี้การดื่มนมสดก็สามารถที่จะช่วยลดกรดยูริกได้ร่างกายได้เช่นกัน แต่หากทำตามนี้แล้วยังมีอาการอยู่ อาจจะต้องใช้ยาลดกรดยูริก เพื่อให้ตัวยาเข้าไปลดกรดยูริกในร่างกาย และลดสาเหตุการเกิดโรคเก๊าท์ได้
สรุปเกี่ยวกับโรคเก๊าท์
โรคนี้เป็นโรคที่ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด แม้ว่าจะมีอาการค่อนข้างรุนแรง แต่การรักษาและป้องกันนั้นค่อนข้างง่ายมาก ๆ เพียงแค่งดทานอาหารที่เป็นตัวก่อนกรดยูริก ดื่มน้ำเยอะ ๆ ออกกำลังกายบ่อย ๆ เพียงเท่านี้คุณก็สามารถหลีกเลี่ยงอาการของโรคเก๊าท์ได้แล้ว นอกจากนี้ การตรวจสุขภาพทุกปี นอกจากจะสามารถรู้ถึงสุขภาพของตัวเองได้แล้ว ยังสามารถที่จะหลีกเลี่ยงการเกิดอาการอื่น ๆ ได้อีกด้วย
เพราะฉะนั้นสำหรับใครที่กังวลว่าตัวเองเป็นโรคเก๊าท์ ขอแนะนำให้ลองปรึกษาแพทย์ หรือลองตรวจสุขภาพดู เพื่อให้สามารถรู้ถึงอาการของตัวเอง และรักษาหรือดูแลให้ทันท่วงที