โรคเกาต์เกิดมาจากร่างกายมีกรดยูริกอยู่ในเลือดสูง ซึ่งเป็นผลมาจากในร่างกายมีการสะสมของกรดยูริกเป็นจำนวนมาก โดยจะเฉลี่ยแล้วกรดยูริกจะตกผลึก เมื่อมีระดับของกรดยูริกอยู่ในเลือดมากเกินกว่า 6.8 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร กรดยูริกคือสารเคมีชนิดหนึ่งที่อยู่ในเลือดเกิดมาจากการย่อยสลายของสารพิวรีน ในเนื้อเยื่อที่มีอยู่ทั่วร่างกายและอาหารที่เรากินเข้าไป โดยที่ร่างกายจะทำการปรับสมดุลของกรดยูริกด้วยวิธีการกรองจากไตก่อนที่จะขับออกทางปัสสาวะและอุจจาระ
แต่เมื่อมีกรดยูริกในปริมาณมากขึ้นจากการสร้างของร่างกาย และการกินทานอาหารที่มีสารพิวรีนสูง หรือว่าไตเกิดความผิดปกติในการกรองสารพิวรีน ก็จะนำไปสู่ภาวะของกรดยูริกในเลือดสูงได้ง่าย ทำให้ร่างกายมีกรดยูริกสะสมมากกว่าปกติมาเป็นระยะเวลานาน ทำให้ตะกอนไปตกอยู่บริเวณรอบ ๆ ของข้อ หรือว่าภายในข้อ หรือ เกิดความผิดปกติของกรดยูริกทำให้การขับสารพิวรีนออกจากร่างกายได้ช้า การวินิจฉัยโรคเกาต์แพทย์จะต้องซักถามประวัติของอาการโดยละเอียด การตรวจหาค่าระดับของกรดยูริกในเลือด ผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้ก็มักจะมีระดับของกรดยูริกอยู่ในกระแสเลือดสูงมากกว่าคนปกติ การตรวจสารน้ำในข้อเพื่อหาผลึกของกรดยูริก
อาการปวดโรคเกาต์
คนป่วยโรคเกาต์จะมีอาการปวด, บวมแดง และร้อนตรงบริเวณข้ออย่างเฉียบพลันทันทีทันใด โดยมักจะเริ่มจากข้อตรงบริเวณโคนนิ้วหัวแม่เท้า อาการเกาต์สามารถเกิดขึ้นกับข้ออื่น ๆ ได้ อย่างเช่น บริเวณข้อเท้า, ข้อเข่า และข้อมือ ซึ่งอาการที่เป็นก็จะเป็น ๆ หาย ๆ ในช่วงระยะแรก โรคเกาต์ที่ไม่ได้รับการรักษาโดยแพทย์ หรือดูแลได้อย่างถูกต้อง ยิ่งจะเกิดการอักเสบที่รุนแรงมากขึ้นทำให้คนป่วยมีอาการปวดถี่ขึ้นเรื่อย ๆ และจะนานมากขึ้นจนอาจจะกลายเป็นโรคข้ออักเสบชนิดเรื้อรัง
รวมถึงการเคลื่อนไหวของร่างกายก็ไม่สะดวกจากที่ภาวะข้อติด ซึ่งนั่นหมายถึงสัญญาณบ่งบอกว่าอาการของโรคมีความรุนแรงที่เพิ่มมากขึ้น ถ้าหากไม่ได้ทำการรักษาได้อย่างถูกต้อง อาจจะนำไปสู่อาการปวดที่เรื้อรังและสามารถสร้างความเสียหายให้กับข้อต่อได้ และอาจจะส่งผลทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนของโรคอื่น ๆ ตามมา เช่น โรคไต นิ่วในทางเดินปัสสาวะ และไตวายได้
ดังนั้นหากอาการของโรคเกาต์เหล่านี้เกิดขึ้นอย่างฉับพลันและมักจะเกิดขึ้นแต่ในเวลากลางคืนบ่อยกว่าช่วงเวลากลางวันหรือว่าเวลาอื่น ๆ แต่จะอย่างไรก็ตามควรจะรีบไปพบแพทย์หากผู้ป่วยมีอาการ เช่น เป็นไข้ และปวดข้ออย่างรุนแรง จนทำให้ผิวหนังบวมแดงและแสบร้อนขึ้น เพราะว่าอาการปวดข้ออาจจะทำให้ผู้ป่วยเข้าใจผิดว่าเป็นอาการของโรคข้ออื่น ๆ การที่ปล่อยให้โรคพัฒนาความรุนแรงขึ้นจะนำไปสู่โรคอื่น ๆ ได้