หลายคนอาจเคยประสบกับอาการ ปวดบวมข้อเท้าด้านใน แล้วคิดว่าเป็นเพียงอาการเล็กน้อยจากการเดินหรือยืนมากเกินไป แต่รู้หรือไม่ว่า อาการนี้อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคหรือการบาดเจ็บที่สำคัญกว่าที่คิด หากละเลยหรือปล่อยไว้นาน อาจนำไปสู่ปัญหารุนแรง เช่น ข้อเสื่อมหรือการเคลื่อนไหวผิดปกติของข้อเท้าได้ บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจถึงสาเหตุ อาการ การวินิจฉัย และแนวทางรักษาที่ถูกต้อง เพื่อดูแลสุขภาพข้อเท้าของคุณให้แข็งแรงและปลอดภัยในระยะยาว
สาเหตุและประเภทของอาการปวดบวมข้อเท้าด้านใน
การบาดเจ็บของเส้นเอ็นหรือกล้ามเนื้อ
อาการปวดบวมข้อเท้าด้านในส่วนใหญ่มักเกิดจากการบาดเจ็บ เช่น การพลิกข้อเท้า ทำให้เส้นเอ็นด้านในข้อเท้าถูกยืดหรือฉีกขาด ส่งผลให้เกิดอาการปวดและบวมทันที หรือเกิดขึ้นภายหลังการใช้งานหนัก
โรคหรือภาวะที่เกี่ยวข้องกับข้อ
อาการนี้อาจเกิดจากโรคหรือภาวะต่าง ๆ เช่น
- โรคข้ออักเสบ (Arthritis) โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ
- โรคเก๊าท์ (Gout) ที่เกิดจากการสะสมของกรดยูริก ทำให้เกิดการอักเสบเฉียบพลัน
- เสื่อมของข้อเท้า (Osteoarthritis) จากการใช้งานซ้ำหรือการเสื่อมตามอายุ
อาการและสัญญาณเตือนที่คุณควรรู้
หากมีอาการต่อไปนี้ ควรระวังและไม่ควรปล่อยทิ้งไว้
- ข้อเท้าปวดและบวมชัดเจน โดยเฉพาะด้านใน
- ปวดเวลาเดินหรือกดบริเวณข้อเท้า
- รู้สึกข้อเท้าอ่อนแรงหรือทรงตัวลำบาก
- มีอาการแดง ร้อน หรือรู้สึกอุ่นบริเวณที่บวม
- มีเสียง “ป๊อก” หรือรู้สึกคล้ายข้อหลุดเวลาเคลื่อนไหว
- ข้อเท้าผิดรูป หรือมีการเคลื่อนไหวผิดปกติ
การวินิจฉัยและการตรวจเบื้องต้น
เมื่อพบแพทย์ แพทย์จะเริ่มจากการซักประวัติการบาดเจ็บ การใช้งานข้อเท้า และลักษณะอาการ ก่อนตรวจร่างกายเพื่อตรวจการกดเจ็บ ความยืดหยุ่น และการเคลื่อนไหวของข้อเท้า อาจมีการสั่งตรวจเพิ่มเติม เช่น
- การถ่ายภาพเอกซเรย์ (X-ray) เพื่อตรวจหาการแตกหัก
- การตรวจอัลตราซาวด์หรือ MRI เพื่อประเมินเส้นเอ็นและเนื้อเยื่ออ่อน
- การเจาะน้ำข้อ (ถ้าสงสัยโรคเก๊าท์หรือข้ออักเสบติดเชื้อ)
แนวทางการรักษา: ทางเลือกที่หลากหลายเพื่อสุขภาพที่ดี
การรักษาแบบไม่ผ่าตัด
- การใช้ยา เช่น ยาลดปวดหรือยาแก้อักเสบ
- การพักและการประคบเย็น ในช่วงแรกหลังบาดเจ็บ
- การพันผ้ายืดหรือใส่อุปกรณ์พยุงข้อเท้า เพื่อลดการเคลื่อนไหว
- กายภาพบำบัด ฟื้นฟูการเคลื่อนไหว เพิ่มความแข็งแรง และปรับการทรงตัว
- การปรับพฤติกรรม เช่น หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่เพิ่มแรงกดบนข้อเท้า
การรักษาแบบผ่าตัด (ในกรณีจำเป็น)
หากมีการฉีกขาดของเส้นเอ็นรุนแรง ข้อเคลื่อน หรือภาวะข้อหลวมเรื้อรังที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาแบบไม่ผ่าตัด อาจจำเป็นต้องพิจารณาผ่าตัดเพื่อซ่อมแซมหรือปรับโครงสร้างข้อเท้า
การดูแลตัวเองและการป้องกันในชีวิตประจำวัน
- หลีกเลี่ยงการเดินหรือยืนเป็นเวลานาน หากรู้สึกเจ็บข้อเท้า
- สวมรองเท้าที่เหมาะสม รองรับอุ้งเท้าและข้อเท้าได้ดี
- ยืดกล้ามเนื้อและเสริมสร้างความแข็งแรงรอบข้อเท้าเป็นประจำ
- ควบคุมน้ำหนักตัวเพื่อลดแรงกดบนข้อเท้า
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการพลิกข้อ หรือการกระแทกแรง ๆ
เมื่อไหร่ที่ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
หากอาการปวดบวมไม่ดีขึ้นภายใน 1-2 สัปดาห์ หรือมีอาการปวดรุนแรง เดินไม่ได้ ข้อเท้าผิดรูป หรือสงสัยการติดเชื้อ (บวม แดง ร้อน ร่วมกับไข้) ควรรีบพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทันที เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนและรักษาได้ตรงจุด
อาการ ปวดบวมข้อเท้าด้านใน อาจดูเหมือนไม่รุนแรง แต่หากละเลยอาจพัฒนาเป็นภาวะเรื้อรังหรือทำให้เกิดข้อเสื่อมเร็วกว่าปกติ การรู้ทันสาเหตุ สังเกตอาการ และรับการรักษาอย่างเหมาะสมตั้งแต่เนิ่น ๆ เป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้กลับมาเคลื่อนไหวได้อย่างมั่นใจ และใช้ชีวิตประจำวันได้เต็มที่
หากคุณหรือคนที่คุณรักกำลังมีอาการปวดบวมข้อเท้า อย่ารอให้ปัญหาลุกลาม คลินิกหมอสุทธิ์พร้อมให้คำปรึกษาและดูแลโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคกระดูก ข้อ และกล้ามเนื้อ นัดหมายเพื่อปรึกษาหรือสอบถามเพิ่มเติมกับเราได้เลยวันนี้!
ช่องทางติดต่อ
“คลินิกกระดูกและข้อ หมอสุทธิ์”
โทร : 061-010-6396
LINE : @drsuttclinic (อย่าลืมใส่ @)
Facebook : คลินิกกระดูกและข้อ หมอสุทธิ์