ปวดนิ้วโป้งเท้าเฉียบพลัน เสี่ยงเก๊าท์ไหม? อาการที่ไม่ควรมองข้าม
คุณเคยตื่นนอนมาแล้วรู้สึกเจ็บปวดที่นิ้วโป้งเท้าแบบไม่ทันตั้งตัวหรือไม่? ความรู้สึกเจ็บ บวม แดง ร้อนในบริเวณนั้นอาจไม่ใช่แค่ “ข้อเคล็ด” หรือ “นอนทับผิดท่า” แต่อาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของ “โรคเก๊าท์” ที่หากไม่รีบรักษา อาจลุกลามไปยังข้ออื่น ๆ และส่งผลต่อคุณภาพชีวิตในระยะยาวได้ บทความนี้จะพาคุณรู้จักสาเหตุ อาการ และแนวทางการดูแลเมื่อมีอาการปวดนิ้วโป้งเท้าเฉียบพลัน เพื่อให้คุณสามารถดูแลตนเองได้อย่างถูกต้อง
สาเหตุและประเภทของอาการปวดนิ้วโป้งเท้า
โรคเก๊าท์ (Gout)
หนึ่งในสาเหตุที่พบบ่อยของอาการปวดข้อเฉียบพลัน โดยเฉพาะที่นิ้วโป้งเท้า คือ โรคเก๊าท์ ซึ่งเกิดจากระดับกรดยูริกในเลือดสูง ทำให้ตกผลึกในข้อและเนื้อเยื่อรอบข้อ ทำให้เกิดการอักเสบเฉียบพลัน
สาเหตุอื่นที่ไม่ใช่เก๊าท์
- การบาดเจ็บ เช่น เดินกระแทก, ข้อเคล็ด
- ข้ออักเสบรูมาตอยด์
- โรคข้อเสื่อม (Osteoarthritis)
- การติดเชื้อในข้อ (Septic arthritis)
- เอ็นอักเสบจากการใช้งานหนัก เช่น นักกีฬา หรือคนที่ยืน/เดินนานๆ
อาการและสัญญาณเตือนที่คุณควรรู้

หากคุณมีอาการต่อไปนี้ อาจต้องสงสัยว่าเป็นโรคเก๊าท์:
- เจ็บเฉียบพลันที่ข้อ โดยเฉพาะนิ้วโป้งเท้า
- ข้อบวม แดง ร้อน และกดเจ็บมาก
- อาการมักเริ่มตอนกลางคืนหรือตอนเช้า
- เคลื่อนไหวข้อได้ยากในช่วงที่อักเสบ
- อาการดีขึ้นภายใน 3-10 วัน แม้ไม่รักษา แต่อาจกลับมาเป็นซ้ำได้
- มีประวัติกินอาหารที่มีพิวรีนสูง เช่น เครื่องในสัตว์, แอลกอฮอล์, น้ำตาลฟรุกโตส
การวินิจฉัยและการตรวจเบื้องต้น
หากสงสัยว่าอาการปวดนิ้วโป้งเท้าเกิดจากเก๊าท์ แพทย์จะใช้วิธีวินิจฉัย เช่น:
- ตรวจร่างกายและซักประวัติการเจ็บป่วย อาหาร และพฤติกรรม
- เจาะเลือดตรวจระดับกรดยูริกในเลือด
- ตรวจน้ำในข้อเพื่อหาผลึกของกรดยูริก
- เอกซเรย์หรืออัลตราซาวด์ข้อ (ในบางกรณี)
แนวทางการรักษา: ทางเลือกที่หลากหลายเพื่อสุขภาพที่ดี
การรักษาแบบไม่ผ่าตัด
-
- ยาต้านการอักเสบ (NSAIDs)
- ยาโคลชิซีน (Colchicine) เพื่อลดการอักเสบของข้อ
- ยาควบคุมระดับกรดยูริก เช่น allopurinol, febuxostat (ใช้ในระยะยาว)
- การประคบเย็นเพื่อลดอาการบวม
- พักการใช้งานข้อที่อักเสบ
การรักษาแบบผ่าตัด (ในกรณีเรื้อรังหรือมีปัญหาข้อเสียหาย)
-
- ผ่าตัดเอาก้อนโทฟัส (Tophi) ออก
- ผ่าตัดเปลี่ยนข้อ (เฉพาะกรณีที่ข้อถูกทำลายอย่างรุนแรง)
การดูแลตัวเองและการป้องกันในชีวิตประจำวัน

- ดื่มน้ำให้มากเพื่อช่วยขับกรดยูริก
- หลีกเลี่ยงอาหารที่มีพิวรีนสูง เช่น เครื่องในสัตว์, ปลาซาร์ดีน, ถั่วบางชนิด
- จำกัดแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะเบียร์
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และควบคุมน้ำหนัก
- หมั่นตรวจสุขภาพ และติดตามระดับกรดยูริก
เมื่อไหร่ที่ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
-
- อาการปวดข้อไม่ดีขึ้นภายใน 2-3 วัน
- มีไข้ร่วมกับข้อบวมแดง
- มีอาการซ้ำๆ ที่ข้อเดิมหรือข้ออื่น ๆ
- ต้องการคำแนะนำในการควบคุมอาหารและพฤติกรรมเพื่อป้องกันโรค
- สนใจตรวจระดับกรดยูริกหรือตรวจสุขภาพข้อโดยรวม
สรุป
อาการปวดนิ้วโป้งเท้าเฉียบพลันไม่ใช่เรื่องเล็ก โดยเฉพาะหากเกี่ยวข้องกับโรคเก๊าท์ ซึ่งสามารถควบคุมได้ด้วยการดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี การสังเกตอาการเบื้องต้นและเข้ารับการวินิจฉัยจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยป้องกันโรคเรื้อรังและปัญหาสุขภาพในอนาคต
หากคุณหรือคนที่คุณรักมีอาการปวดข้อเฉียบพลัน โดยเฉพาะที่นิ้วโป้งเท้า อย่ารอให้ลุกลาม! ปรึกษาทีมแพทย์เฉพาะทางที่คลินิกหมอสุทธิ์ เพื่อรับการวินิจฉัยที่แม่นยำและแนวทางการดูแลที่เหมาะสมกับคุณ นัดหมายวันนี้เพื่อเริ่มต้นการฟื้นฟูสุขภาพข้อของคุณอย่างถูกวิธี!
ช่องทางติดต่อ
“คลินิกกระดูกและข้อ หมอสุทธิ์”
โทร : 061-010-6396
LINE : @drsuttclinic (อย่าลืมใส่ @)
Facebook : คลินิกกระดูกและข้อ หมอสุทธิ์