โรคเก๊าท์เป็นโรคข้ออักเสบชนิดหนึ่งที่พบได้บ่อยในคนไทย เกิดจากการสะสมของกรดยูริกในร่างกายจนเกิดการตกผลึกในข้อ ทำให้เกิดอาการปวด บวม แดง ร้อน และขยับข้อได้น้อยลง การดูแลตัวเองอย่างถูกวิธีเมื่อโรคกำเริบจะช่วยลดอาการและป้องกันการเกิดซ้ำได้ บทความนี้จะพาคุณไปรู้จัก 5 วิธีดูแลตัวเองง่ายๆ แต่สำคัญ ที่ช่วยให้คุณฟื้นตัวได้เร็วขึ้นและกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมั่นใจ
สาเหตุและประเภทของโรคเก๊าท์
โรคเก๊าท์เกิดจากอะไร?
โรคเก๊าท์เกิดจากระดับกรดยูริกในเลือดสูงกว่าปกติ ร่างกายไม่สามารถกำจัดออกได้หมด กรดยูริกจะตกผลึกสะสมในข้อ ทำให้เกิดการอักเสบ ซึ่งสาเหตุหลัก ได้แก่
- พันธุกรรม : พบว่าผู้ที่มีคนในครอบครัวเป็นโรคเก๊าท์จะมีโอกาสเสี่ยงสูงขึ้น
- การทานอาหารที่มีพิวรีนสูง เช่น เครื่องในสัตว์, อาหารทะเล, เบียร์ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- โรคประจำตัว เช่น โรคไตเรื้อรัง หรือโรคอ้วน
เก๊าท์ชนิดกำเริบกับชนิดเรื้อรังต่างกันอย่างไร?
- เก๊าท์กำเริบ: มักเกิดเป็นครั้งๆ โดยมีอาการปวดข้ออย่างรุนแรงเฉียบพลัน
- เก๊าท์เรื้อรัง: เกิดการอักเสบซ้ำๆ จนข้อเสียหาย อาจพบก้อนโทฟัส (Tophi) ที่เกิดจากการสะสมของกรดยูริกตามข้อต่างๆ
อาการและสัญญาณเตือนที่คุณควรรู้
- ปวดข้ออย่างรุนแรง มักเกิดที่ข้อหัวแม่เท้า ข้อเท้า หรือข้อเข่า
- ข้อบวม แดง ร้อน และกดเจ็บ
- ขยับข้อได้ลำบาก
- อาจมีไข้หรือรู้สึกไม่สบายร่วมด้วย
- หากไม่รักษา อาการอาจลุกลามไปยังข้ออื่นหรือเกิดก้อนโทฟัสได้
การวินิจฉัยและการตรวจเบื้องต้น
แพทย์จะซักประวัติ ตรวจร่างกาย และตรวจเลือดเพื่อดูระดับกรดยูริก หากจำเป็น อาจทำการดูดน้ำข้อมาตรวจหาผลึกกรดยูริก การตรวจเอ็กซ์เรย์หรืออัลตราซาวด์ข้อก็ช่วยประเมินความรุนแรงและดูการเสื่อมของข้อได้
แนวทางการรักษา: ทางเลือกที่หลากหลายเพื่อสุขภาพที่ดี
การรักษาแบบไม่ผ่าตัด
- การใช้ยาแก้อักเสบ ลดปวด เช่น NSAIDs หรือยากลุ่มสเตียรอยด์
- ยาลดระดับกรดยูริก เพื่อป้องกันการเกิดซ้ำ
- การประคบเย็น และการพักข้อ
- การปรับพฤติกรรม เช่น ลดน้ำหนัก หลีกเลี่ยงอาหารพิวรีนสูง
การรักษาแบบผ่าตัด
ในบางกรณีที่มีการทำลายข้ออย่างรุนแรง หรือก้อนโทฟัสขนาดใหญ่กดทับเส้นประสาท แพทย์อาจพิจารณาการผ่าตัดนำก้อนออกหรือซ่อมแซมข้อ
การดูแลตัวเองและการป้องกันในชีวิตประจำวัน
5 วิธีดูแลตัวเองเมื่อโรคเก๊าท์กำเริบ
- พักข้อและยกสูง
หลีกเลี่ยงการใช้งานข้อที่ปวด พักผ่อนให้มาก และยกขาให้สูงกว่าระดับหัวใจเพื่อลดบวม - ประคบเย็นช่วยลดอักเสบ
ใช้ผ้าเย็นหรือเจลประคบเย็น ประมาณ 15-20 นาที วันละหลายครั้ง จะช่วยลดบวมและอาการปวด - ดื่มน้ำมากๆ
การดื่มน้ำช่วยให้ร่างกายขับกรดยูริกออกทางปัสสาวะ ควรดื่มน้ำเปล่า 2-3 ลิตรต่อวัน - หลีกเลี่ยงอาหารพิวรีนสูง
งดอาหารทะเล เครื่องในสัตว์ น้ำต้มกระดูก และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อป้องกันการกำเริบซ้ำ - ทานยาตามคำแนะนำแพทย์อย่างเคร่งครัด ไม่หยุดยาเอง ควรติดตามอาการและระดับกรดยูริกกับแพทย์เป็นประจำ
เมื่อไหร่ที่ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
- อาการปวดข้อไม่ทุเลาภายใน 2-3 วัน
- อาการปวดรุนแรงจนเดินไม่ได้
- พบก้อนบวมผิดปกติรอบข้อ
- มีไข้สูงหรือรู้สึกอ่อนเพลียผิดปกติ
- ข้ออักเสบบ่อยครั้งหรือหลายข้อพร้อมกัน
โรคเก๊าท์เป็นโรคข้ออักเสบที่สามารถควบคุมได้ หากดูแลตัวเองอย่างเหมาะสมและปฏิบัติตามคำแนะนำแพทย์อย่างสม่ำเสมอ การเข้าใจวิธีป้องกันและจัดการเมื่อกำเริบ จะช่วยลดความเจ็บปวดและป้องกันการทำลายข้อในระยะยาว
หากคุณหรือคนที่คุณรักกำลังเผชิญกับอาการปวดข้อหรือสงสัยว่าอาจเป็นโรคเก๊าท์ อย่ารอช้า! ปรึกษาทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของ คลินิกหมอสุทธิ์ เพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้องและเหมาะสมกับคุณ นัดหมายเพื่อปรึกษาแพทย์วันนี้!
ช่องทางติดต่อ
“คลินิกกระดูกและข้อ หมอสุทธิ์”
โทร : 061-010-6396
LINE : @drsuttclinic (อย่าลืมใส่ @)
Facebook : คลินิกกระดูกและข้อ หมอสุทธิ์