fbpx

5 วิธีดูแลตัวเองเมื่อโรคเก๊าท์กำเริบ

โรคเก๊าท์เป็นโรคข้ออักเสบชนิดหนึ่งที่พบได้บ่อยในคนไทย เกิดจากการสะสมของกรดยูริกในร่างกายจนเกิดการตกผลึกในข้อ ทำให้เกิดอาการปวด บวม แดง ร้อน และขยับข้อได้น้อยลง การดูแลตัวเองอย่างถูกวิธีเมื่อโรคกำเริบจะช่วยลดอาการและป้องกันการเกิดซ้ำได้ บทความนี้จะพาคุณไปรู้จัก 5 วิธีดูแลตัวเองง่ายๆ แต่สำคัญ ที่ช่วยให้คุณฟื้นตัวได้เร็วขึ้นและกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมั่นใจ
 

สาเหตุและประเภทของโรคเก๊าท์

โรคเก๊าท์เกิดจากอะไร?

โรคเก๊าท์เกิดจากระดับกรดยูริกในเลือดสูงกว่าปกติ ร่างกายไม่สามารถกำจัดออกได้หมด กรดยูริกจะตกผลึกสะสมในข้อ ทำให้เกิดการอักเสบ ซึ่งสาเหตุหลัก ได้แก่
 
  • พันธุกรรม : พบว่าผู้ที่มีคนในครอบครัวเป็นโรคเก๊าท์จะมีโอกาสเสี่ยงสูงขึ้น
  • การทานอาหารที่มีพิวรีนสูง เช่น เครื่องในสัตว์, อาหารทะเล, เบียร์ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • โรคประจำตัว เช่น โรคไตเรื้อรัง หรือโรคอ้วน
 

เก๊าท์ชนิดกำเริบกับชนิดเรื้อรังต่างกันอย่างไร?

  • เก๊าท์กำเริบ: มักเกิดเป็นครั้งๆ โดยมีอาการปวดข้ออย่างรุนแรงเฉียบพลัน
  • เก๊าท์เรื้อรัง: เกิดการอักเสบซ้ำๆ จนข้อเสียหาย อาจพบก้อนโทฟัส (Tophi) ที่เกิดจากการสะสมของกรดยูริกตามข้อต่างๆ
 

อาการและสัญญาณเตือนที่คุณควรรู้

  • ปวดข้ออย่างรุนแรง มักเกิดที่ข้อหัวแม่เท้า ข้อเท้า หรือข้อเข่า
  • ข้อบวม แดง ร้อน และกดเจ็บ
  • ขยับข้อได้ลำบาก
  • อาจมีไข้หรือรู้สึกไม่สบายร่วมด้วย
  • หากไม่รักษา อาการอาจลุกลามไปยังข้ออื่นหรือเกิดก้อนโทฟัสได้
 

การวินิจฉัยและการตรวจเบื้องต้น

แพทย์จะซักประวัติ ตรวจร่างกาย และตรวจเลือดเพื่อดูระดับกรดยูริก หากจำเป็น อาจทำการดูดน้ำข้อมาตรวจหาผลึกกรดยูริก การตรวจเอ็กซ์เรย์หรืออัลตราซาวด์ข้อก็ช่วยประเมินความรุนแรงและดูการเสื่อมของข้อได้
 

แนวทางการรักษา: ทางเลือกที่หลากหลายเพื่อสุขภาพที่ดี

การรักษาแบบไม่ผ่าตัด

  • การใช้ยาแก้อักเสบ ลดปวด เช่น NSAIDs หรือยากลุ่มสเตียรอยด์
  • ยาลดระดับกรดยูริก เพื่อป้องกันการเกิดซ้ำ
  • การประคบเย็น และการพักข้อ
  • การปรับพฤติกรรม เช่น ลดน้ำหนัก หลีกเลี่ยงอาหารพิวรีนสูง
 

การรักษาแบบผ่าตัด

ในบางกรณีที่มีการทำลายข้ออย่างรุนแรง หรือก้อนโทฟัสขนาดใหญ่กดทับเส้นประสาท แพทย์อาจพิจารณาการผ่าตัดนำก้อนออกหรือซ่อมแซมข้อ

 

การดูแลตัวเองและการป้องกันในชีวิตประจำวัน

5 วิธีดูแลตัวเองเมื่อโรคเก๊าท์กำเริบ

  1. พักข้อและยกสูง  
    หลีกเลี่ยงการใช้งานข้อที่ปวด พักผ่อนให้มาก และยกขาให้สูงกว่าระดับหัวใจเพื่อลดบวม
  2. ประคบเย็นช่วยลดอักเสบ 
    ใช้ผ้าเย็นหรือเจลประคบเย็น ประมาณ 15-20 นาที วันละหลายครั้ง จะช่วยลดบวมและอาการปวด
  3. ดื่มน้ำมากๆ 
    การดื่มน้ำช่วยให้ร่างกายขับกรดยูริกออกทางปัสสาวะ ควรดื่มน้ำเปล่า 2-3 ลิตรต่อวัน
  4. หลีกเลี่ยงอาหารพิวรีนสูง 
    งดอาหารทะเล เครื่องในสัตว์ น้ำต้มกระดูก และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อป้องกันการกำเริบซ้ำ
  5. ทานยาตามคำแนะนำแพทย์อย่างเคร่งครัด   ไม่หยุดยาเอง ควรติดตามอาการและระดับกรดยูริกกับแพทย์เป็นประจำ

เมื่อไหร่ที่ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

  • อาการปวดข้อไม่ทุเลาภายใน 2-3 วัน
  • อาการปวดรุนแรงจนเดินไม่ได้
  • พบก้อนบวมผิดปกติรอบข้อ
  • มีไข้สูงหรือรู้สึกอ่อนเพลียผิดปกติ
  • ข้ออักเสบบ่อยครั้งหรือหลายข้อพร้อมกัน
 
 
โรคเก๊าท์เป็นโรคข้ออักเสบที่สามารถควบคุมได้ หากดูแลตัวเองอย่างเหมาะสมและปฏิบัติตามคำแนะนำแพทย์อย่างสม่ำเสมอ การเข้าใจวิธีป้องกันและจัดการเมื่อกำเริบ จะช่วยลดความเจ็บปวดและป้องกันการทำลายข้อในระยะยาว
 
 
หากคุณหรือคนที่คุณรักกำลังเผชิญกับอาการปวดข้อหรือสงสัยว่าอาจเป็นโรคเก๊าท์ อย่ารอช้า! ปรึกษาทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของ คลินิกหมอสุทธิ์ เพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้องและเหมาะสมกับคุณ นัดหมายเพื่อปรึกษาแพทย์วันนี้!
 

ช่องทางติดต่อ
“คลินิกกระดูกและข้อ หมอสุทธิ์”

โทร : 061-010-6396
LINE : @drsuttclinic (อย่าลืมใส่ @)
Facebook : คลินิกกระดูกและข้อ หมอสุทธิ์

 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *