สำหรับใครที่รักการสังสรรค์ การดื่มแอลกอฮอล์อาจเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวัน แต่รู้หรือไม่ว่า แอลกอฮอล์เป็นหนึ่งในตัวการสำคัญที่กระตุ้นให้ โรคเก๊าท์กำเริบ และอาจทำให้สุขภาพข้อเสื่อมลงได้ บทความนี้จะพาคุณมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างแอลกอฮอล์กับโรคเก๊าท์ รวมถึงแนวทางป้องกันและดูแลตัวเอง เพื่อให้คุณยังคงใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข โดยไม่ต้องกังวลกับอาการปวดกำเริบ
สาเหตุและประเภทของโรคเก๊าท์
โรคเก๊าท์เกิดจากอะไร?
โรคเก๊าท์เป็นภาวะข้ออักเสบชนิดหนึ่ง เกิดจากการสะสมของผลึกกรดยูริกในข้อ ซึ่งเกิดจากระดับกรดยูริกในเลือดสูงกว่าปกติ กรดยูริกส่วนเกินจะก่อตัวเป็นผลึกในข้อ ทำให้เกิดอาการบวม ปวด แดง และร้อน
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้โรคเก๊าท์กำเริบ
- การบริโภคอาหารที่มีพิวรีนสูง เช่น เครื่องในสัตว์ อาหารทะเลบางชนิด
- การดื่มแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะเบียร์และสุราที่มีปริมาณพิวรีนสูง
- การทานยาบางชนิด เช่น ยาขับปัสสาวะ
- โรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูง ไตเสื่อม
อาการและสัญญาณเตือนที่คุณควรรู้
- ปวดข้อเฉียบพลัน มักเกิดที่โคนหัวแม่เท้า
- ข้อบวม แดง ร้อน และกดเจ็บ
- อาการอาจกำเริบในตอนกลางคืนหรือหลังทานอาหารหนัก
- หากปล่อยไว้นาน ผลึกกรดยูริกจะสะสมมากขึ้น อาจทำให้เกิดก้อนโทฟัส (Tophi) ตามข้อต่าง ๆ
- ข้ออักเสบเรื้อรัง และข้อผิดรูป
การวินิจฉัยและการตรวจเบื้องต้น
การวินิจฉัยโรคเก๊าท์จะเริ่มจากการซักประวัติอาการ ตรวจร่างกาย และอาจตรวจเลือดเพื่อวัดระดับกรดยูริก รวมถึงการเจาะน้ำในข้อเพื่อตรวจหาผลึกกรดยูริก นอกจากนี้ อาจทำเอกซเรย์หรืออัลตราซาวด์เพื่อดูการอักเสบและการสะสมของผลึก
แนวทางการรักษา: ทางเลือกที่หลากหลายเพื่อสุขภาพที่ดี
การรักษาแบบไม่ผ่าตัด
- การใช้ยา เช่น ยาต้านการอักเสบ (NSAIDs), ยาลดกรดยูริก (Allopurinol, Febuxostat)
- ปรับพฤติกรรม เช่น หลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่กระตุ้นการกำเริบ
- การลดน้ำหนัก เพื่อช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรค
- กายภาพบำบัด เพื่อฟื้นฟูความแข็งแรงของข้อ
การรักษาแบบผ่าตัด
ในกรณีที่ข้อเสียหายหรือมีการสะสมก้อนโทฟัสจำนวนมาก อาจต้องพิจารณาการผ่าตัดเพื่อเอาก้อนออกหรือล้างข้อ อย่างไรก็ตาม การรักษาด้วยยาและปรับพฤติกรรมยังคงเป็นแนวทางหลัก
การดูแลตัวเองและการป้องกันในชีวิตประจำวัน
- ลดการดื่มแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะเบียร์และสุราที่มีพิวรีนสูง
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ ช่วยขับกรดยูริกออกทางปัสสาวะ
- หลีกเลี่ยงอาหารที่มีพิวรีนสูง เช่น เครื่องในสัตว์, กุ้ง, ปลาซาร์ดีน
- ควบคุมน้ำหนัก และออกกำลังกายสม่ำเสมอ
- ปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยาต่าง ๆ โดยเฉพาะยาขับปัสสาวะ
เมื่อไหร่ที่ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
- เมื่อมีอาการปวดข้อเฉียบพลันและไม่ดีขึ้นภายใน 2-3 วัน
- เมื่อพบก้อนบวมตามข้อ
- หากอาการปวดกำเริบบ่อยครั้งจนรบกวนการใช้ชีวิต
- หากสงสัยว่ามีภาวะแทรกซ้อน เช่น ข้อผิดรูปหรือโรคไต
การดื่มแอลกอฮอล์อาจเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิต แต่สำหรับผู้ป่วยโรคเก๊าท์ การดื่มในปริมาณมากหรือดื่มผิดชนิดอาจทำให้อาการกำเริบและรุนแรงขึ้นได้ การรู้จักสัญญาณเตือน ปรับพฤติกรรม และดูแลตัวเองอย่างต่อเนื่อง คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้คุณสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขโดยไม่ต้องกังวลกับโรคเก๊าท์
หากคุณหรือคนที่คุณรักกำลังเผชิญกับอาการปวดข้อ หรือสงสัยว่าเป็นโรคเก๊าท์ อย่าปล่อยให้ปัญหานี้รบกวนชีวิตประจำวัน ปรึกษาทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของคลินิกหมอสุทธิ์ เพื่อรับการวินิจฉัยและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม นัดหมายเพื่อปรึกษาแพทย์วันนี้!
ช่องทางติดต่อ
“คลินิกกระดูกและข้อ หมอสุทธิ์”
โทร : 061-010-6396
LINE : @drsuttclinic (อย่าลืมใส่ @)
Facebook : คลินิกกระดูกและข้อ หมอสุทธิ์