“กินอะไรแล้วเก๊าท์กำเริบ?” เป็นคำถามยอดฮิตของคนไข้ที่เผชิญกับโรคเก๊าท์ อาการปวดข้อ บวม แดง ร้อนที่มักเกิดขึ้นเฉียบพลัน อาจสัมพันธ์โดยตรงกับอาหารที่เรารับประทาน เนื่องจากอาหารบางชนิดมี สารพิวรีน (Purine) สูง เมื่อร่างกายย่อยสลายจะกลายเป็นกรดยูริก ซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่กระตุ้นอาการเก๊าท์ให้ปะทุได้
บทความนี้ คลินิกหมอสุทธิ์ จะพาคุณมาทำความเข้าใจว่าอาหารชนิดใดที่ควรหลีกเลี่ยง วิธีเลือกกินอย่างเหมาะสม และแนวทางดูแลตัวเองเพื่อลดความเสี่ยงในการกำเริบของโรค
สาเหตุและประเภทของอาหารที่กระตุ้นเก๊าท์
1. อาหารที่มีพิวรีนสูงมาก
- เครื่องในสัตว์ เช่น ตับ ไต สมอง หัวใจ
- อาหารทะเลบางชนิด เช่น ปลาซาร์ดีน กุ้ง หอย ปู ปลาแอนโชวี
- เนื้อสัตว์แดง เช่น เนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อแกะ
- อาหารกลุ่มนี้ทำให้ระดับกรดยูริกในเลือดสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
2. ผักบางชนิดที่ต้องระวัง
- แม้ผักส่วนใหญ่จะดีต่อสุขภาพ แต่มีบางชนิดที่มีพิวรีนสูง เช่น
- ยอดผักบางชนิด เช่น ยอดฟักทอง ยอดกระถิน
- หน่อไม้
- เห็ดบางประเภท
3. ถั่วและเมล็ดพืชแข็ง
- ถั่วลิสง เมล็ดถั่วเหลือง ถั่วแดง ถั่วดำ
- อาจกระตุ้นให้กรดยูริกสูงขึ้นได้หากทานมากเกินไป
4. เครื่องดื่มและอาหารแปรรูป
- แอลกอฮอล์ โดยเฉพาะเบียร์ → มีพิวรีนสูงและทำให้ร่างกายขับกรดยูริกได้น้อยลง
- น้ำอัดลมและเครื่องดื่มที่มีฟรุกโตสสูง → เพิ่มการสร้างกรดยูริกในร่างกาย
อาการและสัญญาณเตือนที่คุณควรรู้
หากเผลอรับประทานอาหารที่มีพิวรีนสูง ผู้ป่วยเก๊าท์อาจมีอาการดังนี้
- ปวดข้ออย่างเฉียบพลัน โดยเฉพาะ โคนหัวแม่เท้า ข้อเท้า หรือข้อเข่า
- ข้อบวม แดง ร้อน และกดเจ็บ
- บางรายมีไข้ต่ำร่วมด้วย
- อาการมักเกิดขึ้นกลางคืนหรือหลังรับประทานอาหารที่กระตุ้น
การวินิจฉัยและการตรวจเบื้องต้น
หากสงสัยว่าเป็นโรคเก๊าท์หรือมีอาการกำเริบบ่อย ควรเข้ารับการตรวจโดยแพทย์ โดยวิธีที่ใช้บ่อย ได้แก่
- การตรวจเลือด → วัดระดับกรดยูริกในเลือด
- การเจาะน้ำในข้อ → ตรวจหาผลึกกรดยูริก (ในรายที่จำเป็น)
- เอกซเรย์ข้อ → ประเมินความเสียหายของข้อหากเป็นเรื้อรัง
แนวทางการรักษา: ทางเลือกที่หลากหลายเพื่อสุขภาพที่ดี
การรักษาแบบไม่ใช้การผ่าตัด
- ยาลดอาการอักเสบและปวดข้อ เช่น NSAIDs หรือคอร์ติโคสเตียรอยด์ (ตามดุลยพินิจแพทย์)
- ยาลดกรดยูริก เช่น Allopurinol, Febuxostat เพื่อควบคุมระดับกรดยูริกในระยะยาว
- กายภาพบำบัด → ช่วยลดอาการเจ็บข้อและเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อรอบข้อ
- การปรับพฤติกรรมการกิน → หลีกเลี่ยงอาหารที่กระตุ้นเก๊าท์
การรักษาแบบผ่าตัด (ในบางกรณี)
ใช้ในผู้ป่วยที่ข้อถูกทำลายรุนแรง มี โทฟัส (Tophi) ขนาดใหญ่ หรือไม่ตอบสนองต่อการรักษาแบบทั่วไป
- การดูแลตัวเองและการป้องกันในชีวิตประจำวัน
- เลือกทานอาหารพิวรีนต่ำ เช่น ข้าวกล้อง ไข่ นม และผักทั่วไป
- ดื่มน้ำสะอาดวันละ 2–3 ลิตร เพื่อช่วยขับกรดยูริกออกทางไต
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะเบียร์
- ลดการทานอาหารทะเลและเครื่องในสัตว์
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ แต่ไม่หักโหม
- ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
- เมื่อไหร่ที่ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ?
- เมื่อมีอาการปวดข้อกำเริบบ่อยเกิน 2–3 ครั้งต่อปี
- มีอาการปวดข้อรุนแรง บวม แดง จนเคลื่อนไหวลำบาก
- ระดับกรดยูริกสูงแม้ควบคุมอาหารแล้ว
- มีภาวะแทรกซ้อน เช่น นิ่วในไต
การเลือกกินอาหารอย่างถูกต้องมีบทบาทสำคัญในการควบคุมโรคเก๊าท์ อาหารบางชนิดอาจกระตุ้นให้โรคกำเริบได้ง่าย เช่น เครื่องในสัตว์ อาหารทะเล หน่อไม้ และถั่วเมล็ดแข็ง ดังนั้นผู้ป่วยควรใส่ใจเลือกอาหาร หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น และดูแลสุขภาพโดยรวมเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น
ช่องทางติดต่อ
“คลินิกกระดูกและข้อ หมอสุทธิ์”
โทร : 061-010-6396
LINE : @drsuttclinic (อย่าลืมใส่ @)
Facebook : คลินิกกระดูกและข้อ หมอสุทธิ์