หลายคนที่เป็นโรคเก๊าท์มักสงสัยว่า “ออกกำลังกายจะยิ่งทำให้ปวดข้อไหม?” หรือ “ควรงดกิจกรรมทางกายไปเลยหรือเปล่า?” ความกลัวเหล่านี้ทำให้ผู้ป่วยบางรายเลือกที่จะไม่ออกกำลังกายเลย ซึ่งในระยะยาวอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพโดยรวม เช่น น้ำหนักเกิน เบาหวาน หรือความดันโลหิตสูง
ความจริงคือ ผู้ป่วยโรคเก๊าท์สามารถออกกำลังกายได้ — แต่ต้องเลือกวิธีให้เหมาะสม เพื่อหลีกเลี่ยงแรงกระแทกที่อาจกระตุ้นอาการปวดหรือข้ออักเสบให้กำเริบ
โรคเก๊าท์คืออะไร? สาเหตุและการเกิดของโรคนี้
เกิดจากกรดยูริกที่สะสมในข้อ
โรคเก๊าท์ (Gout) เป็นโรคข้ออักเสบชนิดหนึ่งที่เกิดจากการสะสมของผลึกกรดยูริกในข้อ ทำให้เกิดอาการบวม แดง ร้อน และเจ็บรุนแรง โดยมักพบที่ข้อหัวแม่เท้า ข้อเท้า หรือข้อเข่า
ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ
- พฤติกรรมการรับประทานอาหารที่มีพิวรีนสูง เช่น เครื่องในสัตว์ อาหารทะเล
- การดื่มแอลกอฮอล์
- โรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง
- ภาวะน้ำหนักเกินหรืออ้วน
อาการของโรคเก๊าท์ที่ควรรู้
- อาการมักเกิดเฉียบพลันและรุนแรง โดยเฉพาะในช่วงแรกเริ่ม
- ปวดข้อรุนแรง มักเกิดตอนกลางคืน
- ข้อบวม แดง ร้อน
- เคลื่อนไหวข้อลำบาก
- บางรายมีไข้ร่วมด้วย
การออกกำลังกายกับโรคเก๊าท์ ดีหรือไม่?
- การออกกำลังกายอย่างเหมาะสมสามารถ:
- ลดน้ำหนักส่วนเกิน ซึ่งช่วยลดระดับกรดยูริกในเลือด
- เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อรอบข้อ
- ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคเรื้อรังอื่นๆ
ข้อควรระวัง: หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักหรือกระแทกข้อในช่วงที่โรคกำเริบ เช่น วิ่ง กระโดด หรือการเล่นกีฬาหนักๆ
แนวทางการออกกำลังกายที่ปลอดภัยสำหรับผู้ป่วยเก๊าท์
ช่วงโรคไม่กำเริบ (ระยะคงตัว)
ผู้ป่วยสามารถออกกำลังกายแบบแอโรบิกเบาๆ และเสริมกล้ามเนื้อได้ โดยเน้นความต่อเนื่องและสม่ำเสมอ เช่น:
- เดินเร็ว (30 นาที/วัน)
- ว่ายน้ำ (ไม่กระแทกข้อ)
- ปั่นจักรยานในร่ม
- โยคะ หรือพิลาทิส
- กายบริหารแบบยืดกล้ามเนื้อ
ช่วงโรคกำเริบ (อักเสบปวดข้อ)
- ควรงดการออกกำลังกาย ที่ใช้งานข้อนั้นๆ และพักผ่อน
- ใช้การประคบเย็นเพื่อบรรเทาอาการอักเสบ
- หากอาการดีขึ้นแล้วจึงเริ่มการเคลื่อนไหวเบาๆ อย่างค่อยเป็นค่อยไป
ข้อควรปฏิบัติเมื่อออกกำลังกายสำหรับผู้ป่วยเก๊าท์
- ออกกำลังกายตอนที่ข้อไม่มีอาการปวด
- เริ่มจากเบาๆ แล้วค่อยเพิ่มระดับ
- สวมรองเท้ากีฬาเหมาะกับการรองรับแรงกระแทก
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อช่วยขับกรดยูริกออกจากร่างกาย
- หยุดออกกำลังกายทันทีหากมีอาการปวดรุนแรงหรือบวม
การดูแลตัวเองควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย
- ควบคุมอาหาร หลีกเลี่ยงอาหารที่มีพิวรีนสูง เช่น ตับ ไต ปลาซาร์ดีน
- หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และน้ำหวาน
- ดื่มน้ำสะอาดวันละ 2-3 ลิตร
- รักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
- รับประทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างสม่ำเสมอ
เมื่อไหร่ควรปรึกษาแพทย์
หากคุณพบว่า:
- อาการปวดข้อไม่ดีขึ้นภายใน 2-3 วัน
- มีอาการกำเริบบ่อย
- เริ่มรู้สึกเจ็บข้อมากขึ้นระหว่างออกกำลังกาย
- ไม่แน่ใจว่าท่าออกกำลังกายที่ทำเหมาะสมหรือไม่
- ควรเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์เฉพาะทาง เพื่อปรับแผนการดูแลให้เหมาะสมกับสภาพร่างกายของคุณ
ผู้ป่วยโรคเก๊าท์ก็แข็งแรงได้ ถ้าออกกำลังกายอย่างถูกวิธี
โรคเก๊าท์ไม่ใช่อุปสรรคในการดูแลสุขภาพ การออกกำลังกายสามารถเป็นส่วนหนึ่งของแนวทางการรักษาและควบคุมโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพียงแค่เลือกวิธีที่เหมาะสม หมั่นสังเกตอาการของตนเอง และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างมีสติ
ช่องทางติดต่อ
“คลินิกกระดูกและข้อ หมอสุทธิ์”
โทร : 061-010-6396
LINE : @drsuttclinic (อย่าลืมใส่ @)
Facebook : คลินิกกระดูกและข้อ หมอสุทธิ์