โรคเกาต์ เป็นโรคข้ออักเสบที่เกิดมาจากร่างกายที่มีการสะสมของกรดยูริกอยู่ในเลือดสูงมากและสะสมมาเป็นเวลานาน จึงทำให้เกิดตกตะกอนจนกลายเป็นผลึกเกลือยูเรตที่บริเวณเนื้อเยื่อของข้อต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณข้อ และรอบ ๆ ข้อ เมื่อมีสาเหตุบางอย่างมากระตุ้นจะทำให้ข้ออักเสบอย่างฉับพลันและรุนแรง ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้ระดับกรดยูริกในเลือดสูงส่วนหนึ่งมาจากกรรมพันธุ์ อายุมากขึ้นและการทำงานของไตลดลง หรือเกิดจากการที่เราใช้ยาบางชนิดรวมทั้งการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป และสำหรับการรักษาโรคเกาต์ แพทย์จะให้ยา เพื่อรักษาอาการข้ออักเสบและช่วยลดระดับของกรดยูริกในเลือดให้ต่ำ เช่น ยาโคลซิซิน (Colchicine) เป็นยาที่เจาะจงในการใช้ โดยหลัก ๆ แล้ว เป็นการนำมาใช้ในการรักษาการอักเสบกับคนป่วยโรคเกาต์ ทั้งการรักษาในขณะที่อาการกำเริบอย่างเฉียบพลัน และใช้เป็นยาป้องกันอาการในระยะยาวด้วย
วิธีการใช้ยาColchicine
- Colchicine สามารถใช้ได้ 2 แบบ คือ ทานยาเมื่อมีอาการแบบฉับพลัน ยาโคลซิซิน จะทำให้อาการข้ออักเสบหายได้ภายใน 1 สัปดาห์ ส่วนกรณีที่ใช้เพื่อเป็นการป้องกัน ควรจะทานยาอย่างสม่ำเสมอและต้องตรงเวลา
- ยา Colchicine ให้ใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์เท่านั้น เนื่องจากว่าผลข้างเคียงรุนแรงหากมีการใช้ยาเกินขนาดหรือใช้ยาร่วมกับยาบางชนิด อีกทั้งยังมีกลุ่มคนป่วยบางโรคที่ไม่สามารถใช้ยาชนิดนี้ได้อย่างเช่น โรคเกี่ยวกับทางเดินอาหาร, หัวใจ, ไต และตับ รวมไปถึงหญิงที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
- ยาโคลชิซิน คือ ยาช่วยลดอาการอักเสบข้อจากโรคเกาต์ ทั้งแบบชนิดฉับพลันและใช้ในระยะยาว เพื่อเป็นการป้องกันอาการดังกล่าวด้วย แต่ยาชนิดนี้ไม่มีฤทธิ์ในการระงับอาการปวด เมื่อเริ่มมีอาการให้ใช้ยาทันทีฤทธิ์ยาจะออกได้ดีมาก ตัวยาจะมีผลข้างเคียงบางอย่างที่ค่อนข้างจะรุนแรง ก่อนใช้ยาจะต้องปรึกษาแพทย์ก่อน และต้องให้แพทย์เป็นผู้ทำการสั่งยาให้เท่านั้น
ผลข้างเคียงของยารักษาโรคเกาต์
-
- ผลข้างเคียงในการใช้ยารักษาโรคเกาต์บางชนิดที่พบได้บ่อย ไม่ต้องหยุดยา เช่น อาการคลื่นไส้, อาเจียน,ท้องเสีย และปวดท้อง
-
- ผลข้างเคียงรุนแรงของการใช้ยารักษาโรคเกาต์บางชนิด ให้หยุดยาแล้วต้องไปพบแพทย์ทันที เช่น กล้ามเนื้ออ่อนแรง, ปวดกล้ามเนื้อ, มือ, ปาก, ลิ้น, ซีด และอาเจียนหรือท้องเสียโดยไม่ดีขึ้น มีไข้, ปวดตามเนื้อตัว, ปัสสาวะขัด อุจจาระสีดำหรือมีเลือดปน มีรอยเขียวช้ำตามบริเวณของร่างกายและอ่อนเพลีย ชาตามนิ้วมือนิ้วเท้า, บริเวณใบหน้า, ลิ้น, ปากบวม, มีลมพิษ และมีผื่นขึ้นตามบริเวณร่างกาย, ผิวหนังหลุดลอก, มีอาการหน้ามืด, แน่นบริเวณหน้าอก หายใจลำบาก และอาจจะเป็นลมได้
ดังนั้นการที่จะใช้ยารักษาโรคเกาต์จึงจำเป็นจะต้องอยู่ภายใต้คำแนะนำและการกำกับดูแลของแพทย์ เพื่อให้คนป่วยได้รับการรักษาได้อย่างถูกต้อง และยังเป็นการลดความเสี่ยงที่เป็นอันตรายเนื่องจากการใช้ยา รวมไปถึงคนป่วยจะได้รับการตรวจหาโรคต่าง ๆ ที่ซ่อนอยู่เพื่อการรักษาที่เหมาะสมต่อไป
ช่องทางติดต่อ
“คลินิกกระดูกและข้อ หมอสุทธิ์”
โทร : 061-010-6396
LINE : @drsuttclinic (อย่าลืมใส่ @)
Facebook : คลินิกกระดูกและข้อ หมอสุทธิ์