fbpx

ดื่มน้ำเปล่าเยอะ ๆ ช่วยขับกรดยูริกได้จริงหรือ?

หลายคนที่มีปัญหา โรคเก๊าท์ หรือมีระดับ กรดยูริกสูง มักได้ยินคำแนะนำว่า “ดื่มน้ำเยอะ ๆ จะช่วยขับกรดยูริกออกจากร่างกาย” แต่จริงหรือไม่? น้ำเปล่าสามารถลดความเสี่ยงต่ออาการปวดข้อเก๊าท์ได้จริงหรือ? บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจแบบชัดเจนทั้งสาเหตุ ความสัมพันธ์ระหว่างการดื่มน้ำกับกรดยูริก และวิธีการดูแลตัวเองเพื่อป้องกันโรคเก๊าท์อย่างมีประสิทธิภาพ
 

สาเหตุและความเกี่ยวข้องของกรดยูริกกับโรคเก๊าท์

กรดยูริกคืออะไร?
 
กรดยูริก (Uric acid) เกิดจากการสลายสาร พิวรีน (Purine) ที่พบมากในอาหารบางชนิด เช่น เครื่องในสัตว์ อาหารทะเล ถั่วบางชนิด รวมถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
 
ปกติร่างกายจะขับกรดยูริกออกทางไตผ่านปัสสาวะ แต่หากมีมากเกินไป หรือไตทำงานได้ไม่เต็มที่ กรดยูริกจะตกผลึกสะสมตามข้อ
 

ความเชื่อมโยงกับโรคเก๊าท์

เมื่อกรดยูริกสูงเกินไป จะก่อให้เกิดการสะสมเป็น ผลึกยูเรต (Urate crystals) ที่ข้อ ทำให้เกิดอาการปวด บวม แดง ร้อน เรียกว่า “เก๊าท์”
 
หากปล่อยไว้เรื้อรัง อาจทำให้ข้อเสียหาย และเพิ่มความเสี่ยงโรคไต
 

อาการและสัญญาณเตือนที่คุณควรรู้

 
หากคุณมีภาวะกรดยูริกสูงหรือเริ่มมีโรคเก๊าท์ ควรสังเกตอาการดังนี้
  • ปวดข้อเฉียบพลัน มักเริ่มที่ ข้อโคนนิ้วหัวแม่เท้า
  • ข้อบวม แดง ร้อน กดเจ็บ
  • อาการปวดมักเป็นมากตอนกลางคืน
  • ปัสสาวะผิดปกติ เช่น ขุ่น มีตะกอน หรือมีนิ่วในไต
  • ปวดซ้ำ ๆ บริเวณเดิม หรือมีหลายข้ออักเสบพร้อมกัน
  • หากมีอาการเหล่านี้ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน
 

ดื่มน้ำช่วยขับกรดยูริกได้จริงหรือ?

 
คำตอบคือ จริง แต่ไม่ใช่ทั้งหมด
 
น้ำช่วยเจือจางและขับกรดยูริกออกทางปัสสาวะ ทำให้โอกาสเกิดผลึกเกาะตามข้อลดลง
 
การดื่มน้ำมากพอช่วยลดความเสี่ยง นิ่วในไตจากกรดยูริก
 
อย่างไรก็ตาม การดื่มน้ำเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถรักษาโรคเก๊าท์ได้ เพราะต้องอาศัยการควบคุมอาหารและยาตามแพทย์สั่งควบคู่กันไป
 
สรุป: การดื่มน้ำเปล่าเพียงพอ เป็นส่วนสำคัญในการช่วยลดความเสี่ยงและบรรเทาภาวะแทรกซ้อน แต่ไม่สามารถทดแทนการรักษาทางการแพทย์ได้
 

การวินิจฉัยและการตรวจเบื้องต้น

แพทย์จะตรวจและประเมินโดย
  • ตรวจเลือดหาระดับ กรดยูริก (Uric acid level)
  • ตรวจปัสสาวะ
  • ตรวจน้ำในข้อเพื่อดูผลึกยูเรต (ในบางกรณี)
  • ตรวจภาพถ่ายรังสี (X-ray) หากมีข้อผิดรูป
 

แนวทางการรักษา: ทางเลือกที่หลากหลายเพื่อสุขภาพที่ดี

การรักษาแบบไม่ใช้การผ่าตัด
  • ยาลดกรดยูริก เช่น Allopurinol, Febuxostat (ต้องใช้ตามคำสั่งแพทย์เท่านั้น)
  • ยาลดอาการอักเสบและปวดข้อ เช่น NSAIDs, Colchicine
  • ปรับพฤติกรรม เช่น ดื่มน้ำมากขึ้น, ลดอาหารพิวรีนสูง, ควบคุมน้ำหนัก
  • กายภาพบำบัด ในรายที่ข้อเสื่อมร่วมด้วย
 
การรักษาแบบผ่าตัด
 
ใช้เฉพาะกรณีที่มีภาวะแทรกซ้อน เช่น นิ่วในไตที่อุดตัน หรือข้อเสียหายรุนแรง
  • การดูแลตัวเองและการป้องกันในชีวิตประจำวัน
  • เพื่อให้การดื่มน้ำช่วยได้ผลและลดความเสี่ยงเก๊าท์ ควรทำควบคู่กันดังนี้
  • ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอวันละ 1.5–2 ลิตร (หรือมากกว่านั้นหากไม่มีโรคไต)
  • หลีกเลี่ยง น้ำหวาน น้ำอัดลม และแอลกอฮอล์ เพราะเพิ่มกรดยูริก
  • เลือกอาหารที่พิวรีนต่ำ เช่น ข้าวกล้อง ผัก ผลไม้บางชนิด
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอแบบเบา-ปานกลาง
  • ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์
  • พบแพทย์ตามนัด และตรวจระดับกรดยูริกเป็นประจำ
 

เมื่อไหร่ที่ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

คุณควรพบแพทย์ทันทีหากมีอาการเหล่านี้
  • ปวดข้อบวมเฉียบพลัน
  • มีอาการซ้ำบ่อย ๆ จนรบกวนการใช้ชีวิต
  • กรดยูริกสูงแม้จะปรับอาหารแล้ว
  • มีอาการแทรกซ้อน เช่น ไตเสื่อม นิ่วในไต
 
 
การดื่มน้ำเปล่าเพียงพอช่วย “ขับกรดยูริก” และลดความเสี่ยงการเกิดโรคเก๊าท์ได้จริง แต่ไม่ใช่การรักษาหลัก ผู้ป่วยควรดูแลสุขภาพแบบองค์รวมทั้งเรื่องอาหาร การออกกำลังกาย และการใช้ยาตามแพทย์แนะนำ การไม่ละเลยอาการผิดปกติจะช่วยให้คุณมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
 

ช่องทางติดต่อ
“คลินิกกระดูกและข้อ หมอสุทธิ์”

โทร : 061-010-6396
LINE : @drsuttclinic (อย่าลืมใส่ @)
Facebook : คลินิกกระดูกและข้อ หมอสุทธิ์

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *